Page 140 - จดหมายเหตุ final-2
P. 140
ี
ี
พุทธศักรำช ๒๓๑๘ อะแซหวุ่นก้ แม่ทัพพม่ำผู้เช่ยวชำญกำรศึก ได้วำงแผนยกทัพมำตีหัวเมือง
ี
ฝ่ำยเหนือของไทย โดยตีได้เมืองตำก เมืองสวรรคโลก บ้ำนกงธำนี และพักกองทัพท่เมืองสุโขทัย
เม่อสมเด็จพระเจ้ำกรุงธนบุรีทรงทรำบข่ำวว่ำอะแซหวุ่นก้ยกกองทัพใหญ่มำ พระองค์ทรงรีบ
ี
ื
ยกกองทัพขึ้นไปช่วยหัวเมืองฝ่ำยเหนือทันที เมื่อถึงเมืองนครสวรรค์ได้ทรงจัดแบ่งทหำรไว้ ๓,๐๐๐ นำย
ี
ี
�
ั
ท่เหลือยกไปต้งค่ำยท่บ้ำนปำกพิง และกระจำยต้งค่ำย ๒ ฟำกฝั่งแม่น้ำน่ำนอีก ๕ แห่ง เช่นท่บ้ำน
ี
ั
บำงทรำย บ้ำนท่ำโรง บ้ำนกระดำษ วัดจุฬำมณี และวัดจันทร์ท้ำยเมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงจัด
ี
ึ
ทหำรท�ำหน้ำท่ลำดตระเวนตำมเส้นทำงคมนำคมทุกระยะ และก�ำลังทหำรอีกส่วนหน่งจัดกองปืนใหญ่
ี
เป็นกองหน้ำเร่งไปให้ควำมช่วยเหลือทุกค่ำยท่ต้องกำรควำมช่วยเหลือ
ื
ฝ่ำยอะแซหวุ่นก้ เม่อทรำบว่ำกองทัพไทยมำต้งค่ำยเพ่อช่วยเหลือเมืองพิษณุโลก จึงแบ่ง
ื
ั
ี
ก�ำลังพลไปต้งม่นท่วัดจุฬำมณีทำงฝั่งตะวันตก เวลำกลำงคืนเข้ำปล้นค่ำยของไทยหลำยครั้ง ฝ่ำยไทย
ั
ี
ั
ี
ก็เข้ำปล้นค่ำยพม่ำบ้ำง ผลัดเปล่ยนกันไม่มีฝ่ำยใดชนะเด็ดขำด
ึ
ขณะน้น เจ้ำพระยำจักรีและเจ้ำพระยำสุรสีหพิษณวำธิรำชก�ำลังยกกองทัพข้นไปตีเมืองเชียงแสน
ั
ี
ี
ื
เม่อทรำบข่ำวจึงรีบยกทัพกลับมำรับศึกพม่ำท่เมืองพิษณุโลก กองทัพของอะแซหวุ่นก้พยำยำมเข้ำหักต ี
ั
ี
ค่ำยไทยหลำยคร้งแต่ไม่ส�ำเร็จและถูกกองทัพไทยตอบโต้ได้ทุกคร้งไป อะแซหวุ่นก้ถึงกับยกย่อง
ั
ื
แม่ทัพฝ่ำยไทย และขอให้ท้งสองฝ่ำยหยุดรบกัน ๑ วันเพ่อรับประทำนอำหำรร่วมกัน และขอดูตัว
ั
ี
แม่ทัพฝ่ำยไทย เม่อแม่ทัพฝ่ำยไทยและแม่ทัพฝ่ำยพม่ำยืนม้ำเจรจำกันในสนำมรบ อะแซหวุ่นก้เห็น
ื
ี
รูปร่ำงลักษณะของเจ้ำพระยำจักรีแล้วจึงกล่ำวสรรเสริญว่ำ “...ท่านน้รูปงาม ฝีมือก็เข้มแข็ง อาจสู้
รบกับเราผู้เป็นผู้เฒ่าได้ จงอุตส่าห์รักษาตัวไว้ ภายหน้าจะได้เป็นกษัตริย์...” และบอกเจ้ำพระยำจักร ี
ว่ำ “...จงรักษาเมืองไว้ให้ม่นคงเถิด เราจะตีเอาเมืองพิษณุโลกให้จงได้ในคร้งน้”
ี
ั
ั
คร้นรบกันไปนำนเข้ำไม่รู้ผลแพ้ชนะ อะแซหวุ่นก้ก็เห็นว่ำถ้ำชักช้ำจะไม่ทันกำรณ์ จึงส่งให้ทัพ
ั
ี
ั
ั
พม่ำท่เมืองสุโขทัยไปตีเมืองก�ำแพงเพชร กองทัพเมืองก�ำแพงเพชรยกไปตีเมืองนครสวรรค์ และส่งให้
ี
ี
ึ
ี
กองทัพพม่ำอีกกองหน่งยกไปตีกรุงธนบุรี กำรวำงแผนของอะแซหวุ่นก้เช่นน้เป็นกำรตัดก�ำลังฝ่ำยไทย
�
ไม่ให้ช่วยเมืองพิษณุโลก และต้องกำรให้กองทัพไทยระส่ำระสำย
๑๔๐

