Page 139 - จดหมายเหตุ final-2
P. 139
พุทธศักรำช ๒๑๓๕ พระมหำอุปรำชแห่งหงสำวดี ได้ยกกองทัพมำรุกรำนกรุงศรีอยุธยำอีก
ั
ี
ิ
คร้งน้เกิดมหำวีรกรรมยุทธหัตถี สมเด็จพระนเรศวร ทรงใช้พระแสงของ้ำวฟันพระมหำอุปรำชส้นพระชนม์
บนหลังช้ำง กองทัพพม่ำจึงถอยทัพกลับ และไม่ได้มำรุกรำนกรุงศรีอยุธยำอีกเป็นเวลำหลำยปี
ี
ิ
สมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ทรงมีพระด�ำริว่ำพิษณุโลก เป็นเมืองหน้ำด่ำนท่ส�ำคัญย่งระหว่ำงไทยกับพม่ำ
จึงทรงสถำปนำให้เมืองพิษณุโลกเป็นเมืองเอกของหัวเมืองฝ่ำยเหนือ และเมืองนครศรีธรรมรำช
ื
เป็นเมืองเอกของหัวเมืองฝ่ำยใต้ เม่อบ้ำนเมืองสงบสุขจำกสงครำมชำวเมืองพิษณุโลกท่เคยถูกกวำดต้อน
ี
ื
ี
ั
ื
ั
ิ
ไปยังเมืองอ่น ก็กลับมำต้งถ่นฐำนยังภูมิล�ำเนำเดิม เม่อกรุงศรีอยุธยำเสียแก่พม่ำคร้งท่ ๒
ในพุทธศักรำช ๒๓๑๐ หัวเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกพม่ำยึดครองต่ำงตั้งตนเป็นอิสระ ซึ่งมี ๕ หัวเมืองใหญ่
ด้วยกัน คือ เมืองพิษณุโลก เมืองสวำงคบุรี เมืองพิมำย เมืองจันทบุรี และเมืองนครศรีธรรมรำช
ึ
ั
เมืองพิษณุโลกภำยใต้กำรน�ำของเจ้ำพระยำพิษณุโลก (เรือง) ซ่งต้งตัวเป็นเจ้ำ ได้รวบรวม
ั
ึ
ั
ชำวบ้ำนต้งเป็นกองก�ำลังข้น มีอ�ำนำจปกครองต้งแต่เมืองพิชัย ไปจนถึงเมืองนครสวรรค์ เจ้ำพระยำ
ั
ี
ี
พิษณุโลก (เรือง) เดิมเป็นข้ำรำชกำรผู้ใหญ่ท่มีควำมสำมำรถ ในกำรรบกับพม่ำครำวเสียกรุงคร้งท่ ๒
้
ไดแสดงฝีมืออย่ำงเข้มแข็ง จึงมีชำวบ้ำนนับถือและรวมก�ำลังพลด้วยเป็นจ�ำนวนมำก
สมัยธนบุร ี
ื
เม่อพระยำวชิรปรำกำร (สมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช) มีชัยชนะสำมำรถยึดกรุงศรีอยุธยำ
จำกพม่ำได้ส�ำเร็จ และปรำบดำภิเษกข้นเป็น สมเด็จพระเจ้ำกรุงธนบุรี และสถำปนำกรุงธนบุรีเป็น
ึ
ึ
ี
รำชธำนีของไทย พระองค์มีพระรำโชบำยท่จะรวบรวมรำชอำณำจักรให้เป็นอันหน่งอันเดียว จึงทรง
ั
ยกทัพมำปรำบเมืองพิษณุโลกถึง ๒ คร้งจึงส�ำเร็จ ภำยหลังทรงโปรดให้สมโภชพระมหำธำตุ พระพุทธ
ชินรำช และพระพุทธชินสีห์ ๓ วัน และทรงมีพระรำชด�ำริว่ำ เมืองพิษณุโลกเป็นเมืองยุทธศำสตร์ท ่ ี
ส�ำคัญ ควรมีผู้น�ำท่เข้มแข็งและมีควำมสำมำรถเป็นเจ้ำเมืองจึงทรงแต่งต้งพระยำยมรำช (บุญมำ)
ี
ั
ี
(พระอนุชำธิรำชในรัชกำลท่ ๑ ภำยหลังในสมัยรัชกำลท่ ๑ ได้รับกำรสถำปนำข้นเป็น กรมพระรำชวัง
ึ
ี
ึ
บวรมหำสุรสิงหนำท) เป็นเจ้ำพระยำสุรสีหพิษณวำธิรำช ส�ำเร็จรำชกำรเมืองพิษณุโลก ข้นตรงต่อ
กรุงธนบุรี ตลอดรัชกำลสมเด็จพระเจ้ำกรุงธนบุรี เจ้ำพระยำสุรสีหพิษณวำธิรำชได้ทรงน�ำก�ำลังพลจำก
เมืองพิษณุโลกเข้ำร่วมท�ำสงครำมหลำยคร้ง
ั
๑๓๙

