Page 138 - จดหมายเหตุ final-2
P. 138

สมัยอยุธยา

                                                                      ี
                      รัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ ทรงย้ำยมำประทับท่เมืองพิษณุโลกต้งแต่พุทธศักรำช ๒๐๐๖
                                                                                   ั
               เพื่อป้องกันไม่ให้พระเจ้ำติโลกรำชแห่งล้ำนนำมำรุกรำนหัวเมืองเหนือ ในพุทธศักรำช ๒๐๐๘ พระองค์
                         ี
               ทรงผนวชท่วัดจุฬำมณีพร้อมด้วยเหล่ำข้ำรำชบริพำรจ�ำนวน ๒,๓๔๘ คน พระองค์ทรงผนวชเป็นระยะ
                                                                                             ื
               เวลำนำนถึง ๘ เดือน ๑๕ วัน และทรงประชุมนักปรำชญ์รำชบัณฑิตแปลแต่งวรรณคดีเร่องมหำชำต       ิ
               ค�ำหลวงขึ้นและจัดงำนสมโภช ณ วัดพระศรีรัตนมหำธำตุ ในสมัยนี้เมืองพิษณุโลกถือได้ว่ำเป็นรำชธำนี
                                                                                          ี
                                       ี
               ของอำณำจักรอยุธยำ ส่วนท่อยุธยำจะเป็นท่ประทับของพระมหำอุปรำช แต่ภำยหลังจำกท่สมเด็จพระบรม
                                                    ี
               ไตรโลกนำถสิ้นพระชนม์ อยุธยำได้กลับมำเป็นรำชธำนีดังเดิม และเมืองพิษณุโลกก็อยู่ในฐำนะรำชธำนี
               ฝ่ำยเหนือเป็นท่ประทับของพระมหำอุปรำช ต่อมำในสมัยสมเด็จพระไชยรำชำธิรำช พระมหำอุปรำช
                             ี
               ก็ไม่ได้เสด็จประทับที่เมืองพิษณุโลก แต่ประทับที่อยุธยำแทน


                      ต่อมำในรัชสมัยสมเด็จพระมหำจักรพรรดิ  ทรงสถำปนำขุนพิเรนทรเทพ  ขึ้นเป็นพระมหำธรรม
                                                                 ึ
               รำชำธิรำชเจ้ำ พระรำชทำนพระรำชธิดำคือ พระสวัสดิรำชซ่งได้รับกำรสถำปนำข้นเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์
                                                                                   ึ
               เป็นพระมเหสี แล้วทรงโปรดเกล้ำฯ ให้ไปครองเมืองพิษณุโลกในฐำนะรำชธำนีหัวเมืองฝ่ำยเหนือ

               เพ่อควบคุมเมืองทำงตอนเหนือไว้ ต่อมำพระเจ้ำบุเรงนองแห่งหงสำวดี ยกทัพหวังเข้ำยึดครองอำณำจักร
                 ื
                                           ึ
               อยุธยำโดยเข้ำล้อมเมืองพิษณุโลกซ่งเป็นหัวเมืองส�ำคัญ จนพระมหำธรรมรำชำธิรำชเจ้ำต้องทรงเข้ำสวำมิภักด ์ ิ
               พระเจ้ำบุเรงนองทรงให้พระมหำธรรมรำชำธิรำชเจ้ำครองเมืองพิษณุโลกดังเดิม และทรงน�ำพระรำชโอรส

               พระองค์ใหญ่ของสมเด็จพระมหำธรรมรำชำธิรำชเจ้ำ คือ สมเด็จพระนเรศวร (พระองค์ด�ำ) ไปชุบเลี้ยง

               ท่เมืองหงสำวดีในฐำนะองค์ประกัน ภำยหลังจำกเสียกรุงศรีอยุธยำคร้งท่ ๑ ในพุทธศักรำช ๒๑๑๒
                                                                               ี
                                                                            ั
                 ี
                                                             ึ
               สมเด็จพระมหำธรรมรำชำธิรำชเจ้ำทรงปรำบดำภิเษกข้นเป็นพระมหำกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยำ ภำยหลัง
               สมเด็จพระนเรศวรทรงเสด็จกลับจำกหงสำวดี ในพุทธศักรำช ๒๑๑๔ สมเด็จพระรำชบิดำทรงสถำปนำ
               ให้ทรงด�ำรงต�ำแหน่ง พระมหำอุปรำชครองเมืองพิษณุโลก ต่อมำสมเด็จพระนเรศวรทรงประกำศอิสรภำพ

               ณ เมืองแครง เมื่อพุทธศักรำช ๒๑๒๗


                                                                                           ี
                      สมเด็จพระนเรศวรมหำรำช  พระรำชสมภพท่พระรำชวังจันทน์  และทรงเจริญวัยท่เมืองพิษณุโลก
                                                            ี
                                                                                                      ิ
               เม่อพระองค์เสด็จกลับมำครองเมืองพิษณุโลก จึงทรงได้รับควำมจงรักภักดีจำกชำวเมืองเป็นอย่ำงย่ง
                 ื
               สมเด็จพระนเรศวรขณะครองเมืองพิษณุโลกทรงรวบรวมกองก�ำลังฝึกฝนเหล่ำทหำรจนมีควำมช�ำนำญ
               ในกำรรบ และเตรียมพร้อมต่อสู้กับเหล่ำข้ำศึกศัตรู พระองค์ทรงยกทัพปรำบเหล่ำอริรำชศัตรูพร้อมด้วย

               สมเด็จพระรำชบิดำเสมอ ต่อมำสมเด็จพระนเรศวรได้ครองรำชสมบัติสืบต่อจำกสมเด็จพระมหำธรรม
               รำชำธิรำชเจ้ำ








          ๑๓๘
   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143