Page 137 - จดหมายเหตุ final-2
P. 137
ี
ี
ี
ในช่วง ๗ ปีท่พระมหำธรรมรำชำท่ ๑ (ลิไทย) ประทับอยู่ท่เมืองพิษณุโลกทรงท�ำนุบ�ำรุง
และสร้ำงควำมเจริญให้กับเมืองพิษณุโลกเป็นอย่ำงมำก ทรงสร้ำงพระอัฏฐำรส พระพุทธชินรำช
พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศำสดำ รำวพุทธศักรำช ๑๙๐๐ เพื่อประดิษฐำน ณ วัดพระศรีรัตนมหำธำตุ
ี
ี
ื
นอกจำกน้ ยังทรงสร้ำงรอยพระพุทธบำทจ�ำลองเพ่อน�ำไปประดิษฐำนท่เขำสมอแคลง และทรงสร้ำง
พระเจดีย์ทรงดอกบัวตูมประดิษฐำน ณ วัดเจดีย์ยอดทอง พระมหำธรรมรำชำที่ ๑ (ลิไทย) ทรงประทับ
ิ
ี
ท่เมืองพิษณุโลกจนส้นรัชกำล
ี
ในรัชสมัยพระมหำธรรมรำชำท่ ๒ (พระยำเลอไทย) อำณำจักรสุโขทัยได้ท�ำสงครำมกับอำณำจักร
อยุธยำหลำยครั้ง เนื่องจำกอำณำจักรอยุธยำต้องกำรขยำยอ�ำนำจขึ้นมำทำงเหนือ ในพุทธศักรำช ๑๙๒๑
สมเด็จพระบรมรำชำธิรำชท่ ๑ (ขุนหลวงพะง่ว) ทรงยกกองทัพเข้ำโจมตีเมืองพิษณุโลก ท�ำให้
ี
ั
่
ี
พระมหำธรรมรำชำท ๒ ทรงต้องยอมแพ้ เมืองพิษณุโลกจึงอยู่ภำยใต้กำรปกครองของอำณำจักรอยุธยำ
ึ
ในช่วงเวลำหน่งด้วย
ี
ในรัชสมัยพระมหำธรรมรำชำท่ ๓ (พระยำไสลือไทย) ทรงพยำยำมกอบกู้อำณำจักรสุโขทัย
ขึ้นมำอีกครั้งหนึ่ง ด้วยกำรรวบรวมเมืองต่ำง ๆ ให้เข้ำมำอยู่ในอ�ำนำจ ภำยหลังจำกที่พระมหำธรรมรำชำ
ที่ ๓ (พระยำไสลือไทย) สิ้นพระชนม์ในพุทธศักรำช ๑๙๖๒ ได้เกิดเหตุกำรณ์แย่งชิงรำชสมบัติระหว่ำง
พระโอรสท้ง ๒ คือ พระยำบำล และพระยำรำม ท�ำให้สมเด็จพระนครินทรำธิรำชแห่งอยุธยำต้อง
ั
ยกกองทัพมำระงับเหตุถึงเมืองนครสวรรค์ ท้งพระยำบำล และพระยำรำม ยอมเสด็จลงมำเข้ำเฝ้ำ
ั
สมเด็จพระนครินทรำธิรำช ซ่งสมเด็จพระนครินทรำธิรำชทรงสถำปนำให้พระยำรำมครองเมืองสุโขทัย
ึ
และพระยำบำลครองเมืองพิษณุโลกในฐำนะกษัตริย์แห่งเมองสโขทยทรงพระนำมวำ พระมหำธรรม
ื
ุ
่
ั
ี
รำชำท่ ๔ (บรมปำล)
ิ
ี
ภำยหลังจำกพระมหำธรรมรำชำท่ ๔ (บรมปำล) ส้นพระชนม์ พระยำยุทธิษเฐียร พระโอรส
ึ
ี
ของพระยำรำมได้ครองรำชย์ท่เมืองพิษณุโลก และเอำใจออกห่ำงจำกอยุธยำไปข้นกับพระเจ้ำเชียงใหม่
ท�ำให้สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถทรงต้องยกทัพมำปรำบ แล้วรวมอำณำสุโขทัยเข้ำเป็นส่วนหน่งของ
ึ
อยุธยำ จึงท�ำให้เมืองพิษณุโลกถูกรวมเข้ำกับอำณำจักรอยุธยำโดยสมบูรณ์
๑๓๗

