Page 17 - แฟ้มประเมินด้านที่ 1 ตัวชี้วัด 1.5
P. 17
8
ื่
หาทางระบายออกกับผู้อน หรืออาจจะเนื่องมาจากการเลียนแบบ บุคคลหรือจากสื่อต่าง ๆ ผู้มี
แรงจูงใจใฝ่ก้าวร้าว จะมีลักษณะที่ส าคัญดังนี้
1. ถือความคิดเห็นหรือความส าคัญของตนเป็นใหญ่
2. ชอบท าร้ายผู้อื่น ทั้งการท าร้ายด้วยกายหรือวาจา
5. แรงจูงใจใฝ่พึ่งพำ (Dependency Motive) สาเหตุของการมีแรงจูงใจแบบนี้ก็เพราะการ
่
เลี้ยงดูที่พอแม่ทะนุถนอมมากเกินไป ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้ช่วยเหลือตนเอง ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่ พงพา
ึ่
จะมีลักษณะส าคัญ ดังนี้
1. ไม่มั่นใจในตนเอง
2. ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง มักจะลังเล
3. ไม่กล้าเสี่ยง
4. ต้องการความช่วยเหลือและก าลังใจจากผู้อื่น
ลักษณะของแรงจูงใจ
นักจิตวิทยาได้แบ่งลักษณะของแรงจูงใจออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
- กลุ่มที่1 แรงจูงใจฉับพลัน (Aroused Motive) คือแรงจูงใจที่กระตุ้นให้มนุษย์แสดง
พฤติกรรม ออกมาทันทีทันใด แรงจูงใจสะสม (Motivational Disposition หรือ Latent Motive) คือ
แรงจูงใจที่มีอยู่แต่ไม่ได้แสดงออกทันที จะค่อย ๆ เก็บสะสมไว้รอการแสดงออกในเวลา ใดเวลาหนึ่งต่อ
- กลุ่มที่ 2 แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motive) คือแรงจูงใจที่ได้รับอทธิพลมาจากสิ่งเร้า
ิ
ภายในตัวของบุคคลผู้นั้น
ั
- กลุ่มที่ 3 แรงจูงใจปฐมภูมิ (Primary Motive) คือแรงจูงใจอนเนื่องมาจากความต้องการที่
เห็นพื้นฐานทางร่างกาย เช่น ความหิว, กระหาย แรงจูงใจทุติยภูมิ (Secondary Motive) คือแรงจูงใจ
ที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากแรงจูงใจขั้นปฐมภูมิ
ทฤษฎีกำรเรียนรู้
ทฤษฎีกำรเรียนรู้ (learning theory) การเรียนรู้คือกระบวนการที่ท าให้คนเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรม ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยินการสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี การเรียนรู้
ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถาม ผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วย
ั
ประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้สอนน าเสนอ โดยการปฏิสัมพนธ์
ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะเป็นผู้ที่สร้างบรรยากาศทางจิตวิทยาที่เอออานวยต่อการเรียนรู้ ที่
ื้
จะให้เกิดขึ้นเป็นรูปแบบใดก็ได้เช่น ความเป็นกันเอง ความเข้มงวดกวดขัน หรือความไม่มีระเบียบวินัย