Page 12 - EX Tonrak
P. 12
่
ี
้
ี
ิ
ี
ี
ิ
ุ
ุ
และเทรนเนอร แต่กิจกรรมทน ามาใช้น้ต้องมประสทธภาพในการเรยนรเน้อหานั้นๆ มจดม่งหมาย สนก และ
์
ื
ู
ี
ุ
ื
่
ึ
็
น่าสนใจ ไม่ซ ้าซากจนก่อให้เกิดความเบอหน่าย ดังนั้น คณครจงเปน “นักออกแบบกิจกรรม Activity
ุ
ู
ื
ี
็
ี่
Designer” มออาชพ ทสามารถ “มองเหนภาพกิจกรรม” ได้ทันท ี
้
้
ั
ี
็
ู
ี
่
4. การเรยนรูผานการแกปญหา (Problem-based Learning) เปนรปแบบการเรยนอกรปแบบหนงท ี่
ี
ู
่
ึ
ี
ี
ี
็
ี
ู
็
้
ู
เน้นผู้เรยนเปนศนย์กลาง และรจักการท างานร่วมกันเปนทมของผู้เรยน โดยผู้สอนมส่วนร่วมน้อยแต่ก็ท้า
้
ั
ู
ี
็
ี
ุ
ุ
ทายผู้สอนมากทสด กระบวนการการเรยนรโดยใช้ปญหาเปนฐาน จะจัดผู้เรยนเปนกล่มย่อย ขนาดประมาณ
่
็
ี
็
ี่
ุ
ี
8 -10 คน โดยมครหรอผู้สอนประจ ากล่ม 1 คน ท าหน้าทเปนผู้สนับสนนการการเรยนร (facilitator)
้
ู
ุ
ู
ื
ี
ี
ั
ี
่
5. การเรยนรูผานกระบวนการทางวิทยาศาสตรหรอวิธวิจย (Research-based Learning) การเรยนร ้ ู
้
ื
์
ี
่
ี
ื
็
ทเน้นการวิจัยถอได้ว่าเปนหัวใจของบัณฑตศกษา เพราะเปนการเรยนทเน้นการแสวงหาความรด้วยตนเอง
ี
ิ
ี
้
ู
ึ
่
็
ี
ี
็
ของผู้เรยนโดยตรง เปนการพัฒนากระบวนการแสวงหาความร และการทดสอบความสามารถทางการเรยนร ู ้
ู
้
ี
ด้วยตนเองของผู้เรยน

