Page 11 - EX Tonrak
P. 11
ุ
ุ
ั
็
์
ี
5. ความต้องการวัสดอปกรณจ าเปนอย่างยิ่งส าหรบการสอนแบบ Active Learning ในห้องเรยนต้อง ม ี
ุ
ความพรอมในการเรองวัสดอปกรณ
์
ุ
้
ื่
ี
ั
ี
่
ี
ุ
ี
ี
ี
ิ
ื่
6. ผู้เรยนต่อต้านวิธการสอนทไม่ใช่การบรรยาย เนองจากผู้เรยนจะค้นชนกับการเรยนโดยวิธการมา รบ
ความรจากผู้สอนมากกว่าการเรยนโดยการลงมอปฏบัตด้วยตนเองตามค าแนะน าของผู้สอนเพือให้เกิดการ
ิ
ู
้
ี
ิ
ื
่
เรยนร ้ ู
ี
การประยุกตใช Active learning
์
้
็
ี
่
1. การเรยนรูผานการท างาน (Work-based Learning) เปนการจัดการเรยนการสอนทส่งเสรมผู้เรยน
ี
ี
ิ
่
้
ี
้
ี
ู
ิ
็
ึ
ึ
ุ
ื
ิ
ให้เกิดพัฒนาการทกด้าน ไม่ว่าจะเปนการเรยนรเน้อหาสาระ การฝกปฏบัตจรง ฝกฝนทักษะทางสังคม
ิ
ึ
ิ
ี
ื
ู
ี
ทักษะชวิต ทักษะวิชาชพการพัฒนาทักษะการคดขั้นสง โดยสถาบันการศกษามักร่วมมอกับแหล่งงานใน
ี
ุ
ื
ชมชน รบผิดชอบการจัดการเรยนการสอนร่วมกัน ตั้งแต่การก าหนดวัตถประสงค์ การก าหนดเน้อหา
ั
ุ
ิ
ี
กิจกรรม และวิธการประเมน
ู
ี
ี
2. การเรยนรูผานโครงงาน (Project-based Learning) การเรยนรด้วยโครงงานเปนการจัดการเรยนร ้ ู
้
็
่
้
ี
ี่
ิ
ู
ี่
ี
ิ
ิ
ึ
ี
็
ึ
ื
็
ทเน้นผู้เรยนเปนส าคัญรปแบบหนง ทเปนการให้ผู้เรยนได้ลงมอปฏบัตจรงในลักษณะของการศกษา ส ารวจ
่
็
ิ
ค้นคว้า ทดลอง ประดษฐ์คดค้น โดยครเปลยนบทบาทจากการเปนผู้ให้ความร (teacher) เปนผู้อ านวยความ
้
ี่
็
ู
ิ
ู
ี
็
ี
สะดวก (facilitator) หรอผู้ให้ค าแนะน า (guide) ท าหน้าทออกแบบกระบวนการเรยนรให้ผู้เรยนท างานเปน
้
ื
ู
ี่
่
์
ทม กระต้น แนะน า และให้ค าปรกษา เพือให้โครงการส าเรจลล่วง ประโยชนของการเรยนรด้วยโครงงาน
็
้
ู
ุ
ี
ุ
ึ
ี
ิ
ี
้
ส่งทผู้เรยนได้รบจากการเรยนรด้วย PBL จงมใช่ตัวความร (knowledge) หรอวิธการหาความร (searching)
ี
ี
ิ
่
้
ู
ั
ู
ี
ู
้
ื
ึ
็
ู
ี
้
แต่เปนทักษะการเรยนรและนวัตกรรม (learning and innovation skills) ทักษะชวิตและประกอบอาชพ (Life
ี
ี
่
and Career skills) ทักษะด้านข้อมลข่าวสาร การสอสารและเทคโนโลยี (Information Media and
ื
ู
ุ
ี
ื
้
ื
่
ี
Technology Skills) การออกแบบโครงงานทดจะกระต้นให้เกิดการค้นคว้าอย่างกระตอรอรนและผู้เรยนจะ
ี
ิ
ิ
ึ
ได้ฝกการใช้ทักษะการคดเชงวิพากษ์และแก้ปญหา (critical thinking & problem solving) ทักษะการสอสาร
ื่
ั
ี่
ี่
ู
(communicating) และทักษะการสรางความร่วมมอ(collaboration)ประโยชน์ทได้ส าหรบครทนอกจากจะ
ื
้
ั
เปนการพัฒนาคณภาพด้านวิชาชพแล้ว ยังช่วยให้เกิดการท างานแบบร่วมมอกับเพือนครด้วยกัน รวมทั้ง
็
ื
ี
่
ุ
ู
์
ี
้
ี
ี
่
่
ี
โอกาสทจะได้สรางสัมพันธทดกับนักเรยนด้วย
ี
้
3. การเรยนรูผานกิจกรรม (Activity-based Learning) ในการยึดหลักการให้ผู้เรยนสรางองค์ความร ู ้
ี
้
่
ิ
ี
ด้วยตนเอง “Child Centered” การเรยนโดยการปฏบัตจรง Learning by Doing และปฏบัตเพือให้เกิดการ
่
ิ
ิ
ิ
ิ
้
ู
ู
ั
ึ
ู
ี
เรยนรและแก้ปญหาได้ Doing by Learning จงถกน ามาใช้อย่างจรงจังในการปฏรปการศกษาของไทย การ
ึ
ิ
ิ
ิ
ี
ี
ี
ี
ู
เรยนรชนดน้เอง ทมผู้ตั้งฉายาว่า “สอนแต่น้อย ให้เรยนมากๆ Teach less..Learn More” การเรยนแบบ
้
ี
่
ี
Learning by Doing นั้นใช้ “กิจกรรม Activity” เปนหลักในการเรยนการสอน โดยการ “ปฏบัตจรง Doing”
ิ
ิ
็
ิ
ี
ในเน้อหาทกขั้นตอนของการเรยนร เปนการเรยนรด้วยตนเอง ทกคนในกล่มเปนผู้ปฏบัต คณครเปนพีเล้ยง
ู
็
็
ี
ิ
้
่
ุ
ุ
ิ
ุ
้
ู
ุ
ื
ี
ี
็
ู

