Page 16 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 16
๑๐
ข้าพเจ้าได้ถามเขาต่อไปว่า เจ้าเคยเห็นคนตามบ้างไหม และเห็นแล้วคิดอะไรบ้าง? เขาตอบว่า
เห็นนะเห็นหรอก แต่จะไปคิดทําไมให้เสียเวลา มีแต่กลัวจะมาหลอกเอาเท่านั้น ตกลงเขาก็ยังไม่มีสติ
ประมาทในมรณธรรม อีกประการหนึ่ง
ข้าพเจ้าได้ถามเขาต่อไปเป็นครั้งสุดท้ายว่า เจ้าเคยเห็นคนถูกลงโทษเฆี่ยนตีประหารบ้างไหม?
่
เขาตอบอย่างเหนื่อยหนายว่า โอ๊ย! เห็นมาแยะ แต่จะให้คิดถึงนะหรือ ปุวยการ นอกจากจะ
ั้
สมน้ําหน้ามันเท่านนเอง
ก็เป็นอันว่า เขาไม่มีสติพิจารณาสังขารธรรมให้เกิดความสังเวชใจ มัวแต่ประมาทมองไม่เห็น
ภัยในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย และการเวียนว่ายตายเกิดประการใดเลย เขาถูกบาปหนา ปิดบังดวง
ป๎ญญาไว้ คนเช่นนี้จะปรานีไม่ได้ ควรที่จะโยนลงกระทะทองแดง เอาหอกแหลมแทงให้ดิ้นพล่านไป
ทันทีดีกว่า จริงไหม? พระคุณเจ้า?"
พระมาลัยพยักหน้า "ก็จริงอยู่หรอก แต่ทว่า เท่าที่ท่านบอกทั้งหมด ยงไม่เห็นตอนไหนบ่งบอก
ั
ี่
ว่าท่านมีเมตตาปรานี ดังทคุยไว้เลย มีแต่แสดงความโหดร้าย หาแง่จะลงโทษเขาอยู่ท่าเดียวเท่า
นั้นเอง"
"พระคุณเจ้าจะกรุณาอธิบายหน่อยได้ไหมว่า เมตตาปรานี มีลักษณะอย่างไร?" ยมบาลย้อนถาม
"ลักษณะความเมตตาปรานีก็คือ การสํารวมจิตมั่นอยู่ในความรักใคร่ สนิทสนมเอ็นด สงสารใน
ู
สัตว์ไม่เลือกหน้า อย่างมั่นคงนะสิท่าน" "ถ้าอย่างนั้น ข้าพเจ้ามีความรักใคร่สัตว์นรกอย่างเต็มเปี่ยมอย ู่
แล้วนี่ พระคุณเจ้า"
"แต่ท่านเอาแต่สั่งลงโทษสัตว์นรก อย่างนี้จะเรียกว่าความรักใคร่ได้อย่างไร?มันขัดกันอยู่นะ
ท่านยมบาล"
ยมบาลหัวเราะ พลางตอบอย่างฉะฉาน
"พระคุณเจ้ายังเข้าใจข้าพเจ้าผิดอยู่นั่นเอง เอาละทีนี้จะยกตัวอย่างให้ฟ๎งง่ายๆ พ่อแม่ ครู
อาจารย์ ตามธรรมดาย่อมรักใครในบุตร และลูกศิษย์มาก พยายามเลี้ยงดูอย่างทะนะถนอม และสั่ง
ี
สอนวิชาการให้อย่างดี แตเมื่อบุตรนั้น ประพฤติผิดก็ดุด่าเฆี่ยนต-อย่างนี้ พระคุณเจ้าจะตําหนิว่า พ่อ
่
แม่ ครูอาจารย์พวกนั้น ขาดเมตตาปรานีหรือเปล่าของรับ?"