Page 64 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 64

๕๘


                                                      ุ
               สวรรค์ทั้งสิ้น คือได้ไปหมดทุกคน ด้วยเหตที่โยมให้ช้าง ม้า ราชรถ ยวดยาน คานหาม เป็นทานฯ
                                        ิ
                                                             ั้
               ศาสนาของโยม มีพื้นแผ่นดน เรียบราบเสมอกันนน เป็นผลที่โยมแผ่เมตตาจิตไปในสัตว์ทั้งหลาย
               เสมอหน้ากันฯ คนในศาสนาของโยมที่มั่งคั่งสมบูรณ์มีความสุขร่าเริงนั้น เป็นด้วยเหตุที่โยมยังจิตยาจก

               ให้ชุ่มชนด้วยทรัพย์สิ่งของเงินทองตามความ ปรารถนาตามชอบใจ ขอท่านอรหันตมาลัยจงเข้าพระทัย
                      ื่
               โดยนัยดังที่โยม ได้เล่าถวายมานี้เถิดฯ


                       ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภารพระองค์ มหาบพิตรทรงบําเพ็ญบารมีมา กี่อสงไขย์และจะลง

               ไปเกิดในตระกูลไหน พระชนกชนนี สาวกสาวิกา ตลอดจนไม้ที่จะได้ไปตรัสรู้ชื่อว่าอย่างไร ขอจงได    ้

               กรุณาบอกไป ณ บัดนี้เถิด ขอถวายพระพร


                       ข้าแตพระคุณเจ้าอรหันตมาลัย โยมได้บําเพ็ญบารมีมาช้านานถึง ๑๖ อสงไขย์แสนมหากัลป์
                            ่
               สมตึงสบารมี ๓๐ ทัศนั้น โยมก็ได้ลําเพ็ญมาเป็น อย่างดี ถ้าโยมให้ทานแล้วโยมจะได้ระวังหน้าระวัง

               หลังนั้นหามิได้ฯ โยมจะลงไปเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล มั่งมีทรัพย์สมบัติพร้อม ทุกสิ่งฯ พระ

               ชนกนามว่า สุพรหมพราหมณ์ เป็นปุโรหิตของพระเจ้า สังขจักรพรรดิ์ฯ พระชนนนั้นนามว่า นาง
                                                                                         ี
               พรหมวดีพราหมณีฯ พระอัคร สาวกเบื้องขวานามว่า อโสกเถระฯ พระอัครสาวกเบื้องซ้ายนามว่า สุ

               พรหมเทวเถรฯ พระสีหเถระ เป็นพุทธอุปฐากฯ อัครสาวิกา ชื่อว่า สุมนาภิกษุณี ปทุมาภิกษุณีฯ

                                                         ี
               อุบาสกพุทธอุปฐาก ๒ คน คือ สุทัตตคฤหบดคน ๑ สังฆคฤหบดีคน ๑ฯ และอุบาสิกาเป็นพุทธอุปฐาก
               อีก ๒ คน คือ สวดีอุบาสิกาคน๑ สังฆอุบาสิกาคน ๑ฯ อัครมเหษีชื่อ นางจันทมุขฯ โอรสชื่อ พรหมวด     ี
                                                                                         ี
               กุมารฯ จะได้ตรัสรู้ที่ ไม้กากะทิง แต่พื้นดิน ถึงค่าคบ ๑๒๐ ศอก แต่คาคบถึงยอด ๑๒๐ มีกิ่งใหญ่ ๔

                                  ิ
               กิ่ง ทอดออกไป ในทศทั้ง ๔ ยาวได้ ๑๒๐ ศอก ดอกโตเท่ากงจักรรถ แต่ละดอกมีเกษรได้ ทะนาน ๑
                                    ิ
               มีกลิ่นหอมขจรไปในทศานุทศได ๑๐๐ โยชน์ฯ ส่วนโยมนั้น มีกายสูง ๘๘ ศอก แต่พระนาภีถึงพระ
                                         ิ
                                             ้
               รากขวัญ ๒๒ ศอก แต่พื้นพระบาท ถึงพระชาน ๒๒ ศอก แต่พื้นพระชานถึงพื้นพระนาภี ๒๒ ศอก
                                                                                  ุ
                                                           ุ
               แต่พระ รากขวัญถึคงพระอุณหิส ๒๒ ศอก พระชนมายุยืนได ๘๐๐๐๐ ปี (แปด หมื่นปี- deedi) ขอ
                                                                       ้
               พระคุณเจ้าผู้เจริญโปรดทราบตามนี้เถิด



                       ดูกรมหาบพิตร นิยตโพธิสัตว์ ที่ว่าต้องประกอบด้วย " พุทธภูมิ" นั้น อยาก ทราบว่า คําว่า
                                                                    ้
               "พุทธภูมิ" แปลและหมายความว่าอย่างไร มีเท่าไร อะไรบาง ขอถวายพระพร


                       ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นักปราชญ์นิยมเรียกกันว่า "พุทธภูมิธรรม" คําว่า "พุทธภูมิธรรม"

                                                                                  ั้
               แปลว่าธรรมอันเป็นชั้นของพระพุทธเจ้า หมายความว่า ธรรมซึ่งจัดเป็นชนของผู้จะเป็นพระพุทธเจ้า
               อธิบายว่า นิยตโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่เที่ยงแทแนนอนที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้านั้น จําเป็นต้องมีภูมิชั้นเชิง
                                                    ้
                                                       ่
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69