Page 67 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 67
๖๑
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ คําว่า "อัจฉริยธรรม" นั้นแปลว่า ธรรมะที่น่า อัศจรรย์ คําว่า
"อัศจรรย์" แปลว่า ควรปรบมือให้ ควรยกนิ้วให้ว่าดี เลิศ ประเสริฐ ยอดเยี่ยม อธิบายว่า นิยตโพธิสัตว์
นั้น มีธรรมควรที่เทวดา มนุษย์จะยกนิ้วให้ ปรบมือให้ว่ายอดเยี่ยมที่สุด
อัจฉริยธรรมนั้น มีอยู่ ๗ ประการ คือ
๑. ปาปะปะฏิกุฏจิตโต มีจิตหดหู่จากบาป คือ จิตของนิยตโพธิสัตว์นั้น ไม่สู้กับความชั่ว ไม่สู้กับบาป
อกุศล มีแต่ละอายบาป กลัวบาป ละอายชั่ว กลัวชั่ว เกลียดความบาป เกลียดความชั่ว
๒. ปะสาระณะจิตโต มีจิตแผ่ออกแต่ความดี คือ เป็นจิตที่เบิกบานต่อ ความดีอยู่เป็นนิจ คอยรับแต ่
ความดีอยู่เสมอ มีอาการแผ่ออก ไม่ถอย จากความดี ถ้ายังไม่ถึงจุดมุ่งหมาย เป็นอันไม่หยุดความเพียร
ไม่ละเลิก ความเพียรเป็นอันขาด
้
๓.อธิมุตตะกาละกิริยา น้อมใจตาย คือ เมื่อไดเกิดในสวรรค์ที่มีอายุ ยืนนาน ท่านกลัวเสียเวลาสร้าง
บารมีไปนาน (เพราะในสวรรค์เป็นที่ เสวยสุขเป็นส่วนมาก โอกาสที่จะได้บําเพ็ญบุญบารมีต่างๆ มี
น้อย ไม่เหมือนเกิดเป็นมนุษย์- deedi) จึงอธิษฐานขอให้สิ้นชีวิต คําอธิษฐานนั้นว่า "ขออย่าให้ชีวิต
้
ี้
่
ของข้าพเจ้ามีอยู่ต่อไปเลย" พออธิษฐานเสร็จก็จุติทันที ข้อนถ้าไม่ใชนิยตโพธิสัตว์ทําไม่ได
๔. วิเสสะชะนัตตัง ความเป็นคนวิเศษ คือ เป็นคนแปลกไม่เหมือนคนอื่นๆ เมื่อนิยตโพธิสัตว์อยู่ใน
ี่
ครรภ์มารดาในชาติที่สุด (คือ ชาติสุดท้าย ชาติท จะได้ตรัสรู้- deedi) จะไม่เหมือนคนทั้งหลายคือ คน
ธรรมดาเรานั้น เมื่ออยู่ในครรภ์มารดานั่งทับอาหารเก่า ทูนอาหารใหม่ของมารดาไว้ ๑ ผินหน้าเข้า
ข้างหลังมารดา ๑ ผินหลังออกไปข้างหน้ามารดา ๑ นั่งยองๆ เอามือทั้งสอง ค้ําคางไว้ ๑ ส่วนนิยต
โพธิสัตว์ตรงกันข้ามคือ นั่งอยู่ในที่สะอาด ไม่เปื้อน อะไร ๑ ผินหน้าออกทางหน้ามารดา ๑ นั่งพับ
พะแนงเชิงเหมือนพระนั่งเทศน์ บนธรรมาสน์ ๑
ั้
ู้
๕.ติกาลัญํู รู้กาล ๓ นิยตโพธิสัตว์ในชาติที่สุดนน รพระองค์ใน ๓ กาล คือ เมื่อจะจุติจากสวรรค์ลงสู่
พระครรภ์ ก็รู้ว่าจะจุติลงสู่พระครรภ์ ๑ เวลาที่ อยู่ในพระครรภ์ ๑๐ เดือน ก็รู้ว่าอยู่ในพระครรภ์ ๑
เวลาประสูติจากพระ ครรภ์ก็รู้ว่าประสูติจากพระครรภ์ ๑ ส่วนพระป๎จเจกพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าท ี่
ตรัสรู้แต่ไม่ได้ออกสั่งสอนเวไนยสัตว์ ไม่สามารถรื้อถอนสัตว์ออกจากสังสารวัฏได- deedi) กับพระ
้
อัครสาวกทั้ง สอง เป็น ทวิกาลัญํู รู้กาล ๒ คือ เวลาจุติลงสู่ครรภ์ ๑ เวลาที่อยู่ในครรภ์ ๑ อสีต ิ
มหาสาวกใหญ่ทั้ง ๘๐ เป็น เอกาลัญํู รู้กาลเดียว คอ เวลาจะถือ ปฏิสนธิเท่านั้น
ื
นอกจากบุคคล ๓ ประเภทนี้ เป็น อกาลัญํู คือ ไม่รู้กาลทั้งหมดฯ