Page 63 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 63
๕๗
๎่
ทิพย์ ไม่ต้องทําสวน ทําไร่ ทํานา ค้าขาย หญิงทั้งหลายมิต้องทอหูก ปนฝูาย จะนุ่งห่มผ้าผ่อนสะไปแต ่
ล้วนเป็นของทิพย์ เหล่าเสนาราชอํามาตย์ ก็ย่อมตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมประเพณี มิได้เบียดเบียน
บีฑาประชาราษฎร์ ให้เดือดร้อน มีความเอ็นดูกรุณาเป็นอย่างดี สัตว์ทั้งหลาย เช่น กากับนกเค้า แมว
กับหนู งูกับพังพอน เสือกับเนื้อต่างก็มีไมตรีจิตสนิทสนมมิได้ประทุษร้าย กัน คนในยุคนั้นแต่ล้วน
ตั้งอยู่ในศีลธรรม เลี้ยงชนม์ชีพด้วยอาหารอันเป็น ทิพย์ มั่งมีศรีสุขสนุกสําราญ พื้นแผ่นดินก็ราบเรียบ
ดูจหนึ่งหน้ากลองชัยเภรี ปราศจากตอเสี้ยนหนามอันจะทําให้เป็นบาดแผลและคนทั้งหลายก็จะ
งดงามสะอาด คนวิกล วิกาล ใบ้บ้า บอด หนวก เสียขา หรือเตี้ยค่อม ชนิดใดชนิดหนึ่งมิได้มี เมื่อชน
ทั้งหลายแลเห็นกันแล้วก็มีแตความเมตตา ปราณีรักใคร่กัน พลันแตประสบสุข นิราศทุกข์ นิราศโรค
่
่
ั่
ั้
นิราศโศก นิราศภัย ภันเต ข้าแต่พระมาลัยผู้เจริญ ในยุคนนนนแล โยมจักไปอุบัติบังเกิดใน มนุสสโลก
ตรัสเป็นองค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วและเทศน์ โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย คนสมัยนน ก็ล้วน
ั้
แต่พื้นมีสันโดษ ชายจะพอใจ อยู่แต่ในภรรยาของตน มิได้ร่วมประเวณีหญิงซึ่งเป็นภรรยาของคนอื่น
แม้ฝุายหญิงเล่าก็มิได้เอาใจออกห่างจากสามีของตน คนทุกคนล้วนแต่ ประสบสุขสําราญ มิต้อง
ประกอบการอาชีพ เช่น ทํานา ทําสวน เมื่อ บริโภคของอันเป็นทิพย์แล้ว ก็มีแต่จะนั่งนอนเล่น ฟ๎ง
เสียงทิพยดนตรี ตามความปรารถนาของตน กษัตริย์ พราหมณ์ เศรษฐี คฤหบดี ไพร่กุดุมพี นั้นมิได้มี
้
แต่ล้วนมีทรัพย์สินเสมอเหมือนกัน อนจะหาคนเข็ญใจยากไร้ นั้นมิได้มี การวิวาทกันดวยแย่งชิงท ี่
ั
้
บ้านเรือน เรือกสวน ไร่นา และทาส ทาษี และสัตว์ ชาง ม้า โค กระบือ ของกันและกันนั้นย่อมไม่มี
ั้
ครั้งนน พืชข้าวสาลีแม้แต่เมล็ดเดียว ถ้าตกลงบนแผ่นดินแล้ว ก็จะงอกขึ้นแตก ออกไปได้ร้อยส่วนพัน
ึ้
ส่วนทวีคูณขนไปทีเดียวละพระคุณท่านผู้เจริญ
ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร ศาสนาของพระองค์ หาคนเป็นใบ้บ้า เป็นต้นมิได้นน เป็น
ั้
เพราะเหตุผลแห่งอะไร ขอถวายพระพร
ศาสนาของโยมหาคนใบ้บ้ามิได้นน เป็นเพราะเหตุที่โยมมิได้เจรจามุสา ล่อลวงคนทั้งหลายฯ
ั้
ั้
หาคนตาบอดมิได้นน เป็นเพราะเหตุที่โยมเหลียว แลดูสมณะพราหมณาจารย์ ผู้มีศีลมีสัตย์ทั้งปวงด้วย
ั้
ตาอันเป็นที่รักฯ หาคนเตยค่อมิได้นน ด้วยเหตุที่โยมทํากายให้ตรง คือว่าประพฤติสุจริต รักษาศีล ฟ๎ง
ี้
พระธรรมเทศนาฯ หาคนเป็นโรคภัยไข้เจ็บมิได เพราะเหตุที่ โยมให้ยาเป็นทาน และช่วยกันบรรเทา
้
้
ทุกข์ภัยของสัตว์ทั้งปวงฯ คนใน ศาสนาของโยมมีความสุขสบายดีเสมอกันนั้น ดวยว่าโยมให้ข้าวน้ํา
ผ้าผ่อนท่อนสะไบ เรือแพนาวา ของหอม เป็นทานฯ ศาสนาของโยมไม่มี มารมาผจญ ด้วยเหตุที่โยม
มิไดทําสัตว์ให้สดุ้งตกใจกลัวฯ คนในศาสนา ของโยมล้วนแต่มีรูปร่างงามๆ นน เป็นผลที่โยมให้ของรัก
ั้
้
เป็นทานแก่ สมณพราหมณาจารย์และยาจกวณิพกคนกําพร้าอนาถาฯ คนในศาสนา ของโยมนั้น ได้ไป