Page 58 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 58
๕๒
กาลที่พระศรีอาริยเมตไตยจะลงมาโปรดสัตว์
เมื่อพระมาลัยเถระได้สดับคําวิสัชนาของพระมหาโพธิสัตว์ตรัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ในยุคสมัย
ของพระองค์แล้วก็ มีใจสงสัยด้วยว่ายังไม่กําหนดกาลเวลาว่าจะลงมาโปรดสัตว์เมื่อใด จึงปุจฉาไปดังน ี้
ว่า ดูกรมหาบพิตร อาตมภาพได้สดับตามที่พระองค์ทรงเล่ามายังกําหนดไม่ได้ว่าพระองค์จะลงไป
โปรดมนุษย์เมื่อใด
สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตยจึงตอบไปดังนี้ว่า " ดูกรพระคุณเจ้า ก็ตอนที่ข้าวสาลีเม็ดเดียว
บังเกิดเป็นข้าวสารร้อยเจ็ดสิบเม็ด จุเต็มสองเล่มเกวียนกับสิบหกสัดใหญ่ ๆ เท่ากับสองกระบุงเมื่อใด
ก็เมื่อนั้นแลพระคุณเจ้าที่ข้าพระองค์จะลงไปเกิดในโลกมนุษย์ โดยครั้งแรกจะเป็นมนุษย์ธรรมดาก่อน
กระทําสัตตสดกมหาทานบริจาคลูกเมียเป็นทานเหมือนพระเวสสันดรก่อน แล้วจะกลับขึ้นมา
ั้
เกิดบนสวรรค์ชนดุสิตสิ้นระยะหนึ่ง จนถึงเมื่อสัตว์ทั้งหลายมีอายุไขยน้อยลงไปจากอสงไขยเหลือเพียง
ั้
แปดหมื่นปี ชมพูทวีปนี้กลับบริบูรณ์มีเม็ดข้าวสาลีเพียงเม็ดเดียวแต่ให้ผลมากมายดังก่อน ก็ตอนนน
แลข้าพระองค์จะลงไปบังเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยเหล่าเทพยดาใน
หมื่นจักรวาลมีท้าวมหาพรหมเป็นประธานมาอัญเชิญให้ไปจุต ิ
***การกระท าสัตตสดกมหาทาน คือการบริจาคสิ่งของเป็นทานเจ็ดอย่าง อย่างละ ๗๐๐ มี
๑. ช้าง ๗๐๐ ตัว ๒. ม้าอาชาไนย ๗๐๐ ตัว ๓. โคนม ๗๐๐ ตัว ๔. ทาสหญิง ๗๐๐ คน ๕. ทาส
ชาย ๗๐๐ คน ๖. ราชรถ ๗๐๐ คัน ๗. นางสนม(หญิงผู้ดีมีสกุล) ๗๐๐ นาง
อ่านว่า สัต-ตะ-สะ-ดก-มะ-หา-ทาน มาจากคําว่า สัตตะทแปลว่า เจ็ด สดก มาจากคําว่า สต
ี่
ี่
กะ ที่แปลว่า ๑๐๐ อีกคําหนึ่งอ่านว่า ปิ-ยะ-ปุต-ตะ-ทา-ระ-ทาน ปิยะแปลว่า ผู้เป็นทรัก ปุตตะ
แปลว่า ลูก ทาระ แปลว่าเมีย***
ั
เมื่อข้าพระองค์นี้ได้สดับรบฟ๎งคําอัญเชิญของเทพยดาทั้งหลาย ก็จะใช้ทิพยญาณเล็งเห็นโลก
ด้วยเหตุห้าประการ คือ กาลอันเหมาะสม ๑ ประเทศที่เหมาะสม ๑ ทวีที่เหมาะสม ๑ ตระกูล
มารดาที่เหมาะสม ๑ แลสัตว์ทั้งหลายอีก ๑ ตามเยี่ยงอย่างพระบรมโพธิสัตว์แต่ก่อนมาพิจารณา
ตามธรรมเนียมประเพณีก่อนที่จะมาจุติ ด้วยที่พิจารณาดูกาลอายุสัตว์ในครั้งนั้นว่าไม่มากกว่าแสนปี
ขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยปีลงมา เพราะถ้าสัตว์มีอายุมากกว่าแสนปี ก็ความแก่ความตายนี้จะไม่ค่อย
บังเกิดปรากฏให้เห็น สรรพสัตว์ฟ๎งพระธรรมเทศนาแล้วไม่เห็นว่าสังขารเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนตตาแต ่
ั
อย่างใดก็จะไม่เชื่อถือในพระสัจธรรม มรรคผลก็จะไม่บังเกิดขึ้น พระธรรมเทศนาก็จะไร้ประโยชน
์