Page 25 - 2557 เล่ม 1
P. 25
๒๕
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจําเลยตามพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง วรรคสาม (๒), ๕๗, ๖๖
วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ, ๑๕๗/๑
วรรคสอง และริบรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน งตข ชลบุรี ๙๖ ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ หมายเลข
ทะเบียน งตข ชลบุรี ๙๖ ของกลาง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทํา
ความผิดของจําเลย ขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคําคัดค้านว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทําความผิดของ
จําเลยและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกคําร้อง
ศาลชั้นต้นมีคําสั่งให้ยกคําร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คดีนี้เป็นการขอคืนรถจักรยานยนต์ หมายเลข
ทะเบียน งตข ชลบุรี ๙๖ ของกลาง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ ก็ตาม
แต่คําร้องของผู้ร้องเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจําเลย
และริบรถจักรยานยนต์ของกลางตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒
ดังนี้ คดีนี้จึงเป็นคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติ
วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ ด้วย ซึ่งมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว บัญญัติว่า “ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาหรือมี
คําสั่งโดยมิชักช้า และภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๙ คําพิพากษา
หรือคําสั่งของศาลอุทธรณ์เฉพาะการกระทําซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้
เป็นที่สุด” และมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา
หรือมีคําสั่งในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่งแล้ว คู่ความ
อาจยื่นคําขอโดยทําเป็นคําร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาภายในกําหนดหนึ่ง
เดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลนั้นให้คู่ความ
ฝ่ายที่ขออนุญาตฎีกาฟงง เพื่อขอให้พิจารณารับฎีกาไว้วินิจฉัยก็ได้” ดังนี้ เมื่อผู้ร้อง