Page 32 - 2557 เล่ม 1
P. 32
๓๒
ให้ยกฟ้องโจทก์สําหรับจําเลยที่ ๒ และนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคําพิพากษา
ศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟงงเป็นยุติว่า
เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา มีคนร้ายร่วมกัน
ลักเพลาสแตนเลสพร้อมใบพัดตีน้ําในบ่อเลี้ยงกุ้ง ๕ ชุด ราคา ๕๐,๐๐๐ บาท ของ
โจทก์ร่วม ต่อมาในวันรุ่งขึ้นจําเลยที่ ๑ นําเพลาสแตนเลสส่วนหนึ่งที่ถูกลักดังกล่าว
ไปขายให้แก่ร้านรับซื้อของเก่าและถูกเจ้าพนักงานตํารวจจับกุม คดีสําหรับจําเลยที่ ๑
ยุติไปตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ที่ลงโทษฐานร่วมกันลักทรัพย์
มีปงญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จําเลยที่ ๒ ร่วมกระทําความผิดกับจําเลยที่ ๑
หรือไม่ โจทก์มีดาบตํารวจมงคล เจ้าพนักงานตํารวจผู้จับกุมจําเลยที่ ๑ เป็นพยาน
เบิกความว่า หลังจากพยานได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์และออกสืบหาเบาะแสคนร้าย
จากร้านรับซื้อของเก่า จนกระทั่งในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๙ พยานทราบจากเสมียน
ร้านรับซื้อของเก่าหลังสถานีบริการน้ํามันเอสโซ่ว่าจําเลยที่ ๑ นําอุปกรณ์เกี่ยวกับ
ใบพัดตีน้ําไปขายและจะนําอุปกรณ์ดังกล่าวไปขายให้อีกเที่ยวหนึ่ง พยานกับ
เจ้าพนักงานตํารวจอื่นจึงซุ่มรอเหตุการณ์ถึงเวลาประมาณ ๑๖ นาฬิกา พบจําเลยที่ ๑
ขับรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วงข้างนําอุปกรณ์ดังกล่าวไปขายจึงควบคุมตัวไว้ และ
สอบถามได้ความว่าร่วมกับจําเลยที่ ๒ นายอ๊อฟและนายหนึ่งลักอุปกรณ์ดังกล่าว
มาจากฟาร์มเลี้ยงกุ้งของโจทก์ร่วม พยานให้จําเลยที่ ๑ พาไปที่บ้านจําเลยที่ ๒
และควบคุมตัวจําเลยที่ ๒ ไปที่สถานีตํารวจภูธรอําเภอแกลง จากนั้นโทรศัพท์แจ้ง
โจทก์ร่วมให้ไปดูอุปกรณ์ที่ยึดไว้ เมื่อโจทก์ร่วมยืนยันว่าเป็นทรัพย์ของตน พยานจึง
แจ้งข้อหาจําเลยทั้งสองว่าร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร จําเลยทั้งสอง ให้การ
รับสารภาพ นอกจากนี้โจทก์มีพันตํารวจโทมานพ พนักงานสอบสวนเป็นพยาน
เบิกความว่า หลังจากแจ้งข้อหาจําเลยทั้งสองเช่นเดียวกับชั้นจับกุม จําเลยทั้งสอง
ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์ก่อน
กระทําความผิด ขณะกระทําความผิดและภายหลังกระทําความผิดสอดคล้องกันใน
รายละเอียดนับแต่จําเลยที่ ๒ กับนายอ๊อฟและนายหนึ่งชักชวนกันไปลักทรัพย์ของ