Page 76 - หนังสือที่ระลึกพิธีเปิด E-book
P. 76
69
คดีเรื่องหนึ่ง บริษัท น จำกัด นายจ้างประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต
และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กและแผ่นเหล็กชนิดต่างๆ นายจ้างประสบปัญหาขาด
สภาพคล่องจนศาลล้มละลายมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ นายจ้างออกประกาศหยุด
้
กิจการชั่วคราว โดยจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างร้อยละ 50 ของค่าจ้าง (กฎหมายขณะนัน)
ตลอดเวลาที่ไม่ให้ลูกจ้างทำงาน โดยมีเงื่อนไขว่า หากลูกจ้างคนใดไปทำงานกับ
นิติบุคคลอื่นให้สถานภาพการเป็นลูกจ้างสิ้นสุดลงทันที ในระหว่างหยุดกิจการชั่วคราว
ลูกจ้างไปทำงานให้แก่นิติบุคคลอื่น นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย
ปัญหาว่านายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้าง หรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน
วินิจฉัยว่า ประกาศของนายจ้างเป็นเพียงประกาศแจ้งให้ทราบถึงความจำเป็นที่ต้อง
หยุดกิจการชั่วคราวและจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างในวัน
ทำงานตลอดเวลาที่หยุดกิจการชั่วคราว แต่ไม่ใช่หนังสือเลิกจ้างลูกจ้าง แม้ประกาศ
จะระบุให้ลูกจ้างพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานทันทีที่ไปประจำทำงานกับนิติบุคคล
อื่น ก็เป็นเพียงเงื่อนไขที่นายจ้างจะใช้สิทธิเลิกจ้างลูกจ้างเท่านั้น การที่ลูกจ้างไป
ทำงานกับนิติบุคคลอื่น จึงมิใช่เป็นการตกลงเลิกสัญญาจ้างกับนายจ้างอันจะทำให้
สัญญาจ้างสิ้นสุดลง แม้ลูกจ้างยังเป็นลูกจ้างในระหว่างหยุดกิจการชั่วคราว
แต่นายจ้างมิได้มอบงานให้ทำ ส่วนเงินที่นายจ้างจ่ายมิใช่ค่าจ้างแต่เป็นที่ต้องจ่าย
ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 75 ซึ่งมิได้บัญญัติห้ามลูกจางไปทำงานให้แก่
้
บุคคลอื่นในระหว่างนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว การที่ลูกจ้างไปทำงานให้แก่บุคคล
อื่นจึงมิใช่เป็นการละทิ้งหน้าที่ หรือทำผิดสัญญาจ้างและไม่เป็นการเอาเปรียบ
นายจ้างที่รับเงินสองทางเพราะเงินที่นายจ้างจ่ายให้ไม่ใช่ค่าจ้าง เมื่อนายจ้าง
เลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่ได้กระทำผิด นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้แก่ลูกจ้าง
(คำพิพากษาฎีกาที่ 7675/2548)