Page 141 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 141
๑๒๘
การชั่งน าหนักพยานหลักฐานในคดีผู้บริโภค
ิ
แม้พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ จะให้ศาลมีอานาจถามพยานเอง แสวงหา
ั
ั
ิ
ิ่
ข้อเท็จจริงเพมเติมได้ และรับฟงข้อเท็จจริงตามคดีก่อน อนเป็นลักษณะการด าเนินกระบวนพจารณาแบบ
ระบบไต่สวน แต่ในการรับฟงพยานหลักฐานนั้น ศาลยังยึดหลักภาระการพสูจน์ ดังนั้น หน้าที่ในการน าพยาน
ั
ิ
เข้าสืบยังเป็นหน้าที่ของคู่ความทั้งสองฝ่ายที่จะต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของตนมีน้ าหนัก
ิ
น่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของคู่ความอกฝ่ายตามภาระการพสูจน์ของตน ซึ่งพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดี
ิ
ี
ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้วางกฎเกณฑ์เพอผ่อนผันการชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานในบางเรื่องเพอเปิดโอกาสให้
ื่
ื่
ผู้บริโภคที่ขาดอานาจต่อรอง และขาดความรู้ความสามารถด้านกฎหมายน าพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ขึ้นต่อสู้
ผู้ประกอบธุรกิจที่มีอ านาจต่อรองเหนือกว่า ซึ่งในบทความนี้จะขอกล่าวถึงหลักเกณฑ์ที่น่าสนใจรวม ๕ ประการ
คือ
ประการแรก คดีแพ่งทั่วไป ในกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๙๔ ห้ามมิให้คู่ความน าสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารหรือน าสืบพยานบุคคล
่
เพมเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้น เว้นแต่ในกรณีที่น าพยานบุคคลมาสืบว่า พยาน
ิ่
ื่
เอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี้อย่างอนที่ระบุ
ไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ หรือคู่ความอกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด และนอกจากเอกสารหลักฐานหรือสัญญา
ี
ที่มีรูปแบบเป็นกระดาษแล้ว ปัจจุบัน เอกสารหลักฐานหรือสัญญาระหว่างคู่สัญญาอาจถูกจัดท าในรูปแบบ
ิ
ั
ข้อมูลอเล็กทรอนิกส์ได้ การรับฟงข้อมูลอเล็กทรอนิกส์เป็นพยานหลักฐานจึงต้องน าพระราชบัญญัติว่าด้วย
ิ
ิ
ธุรกรรมทางอเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ และข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพจารณาคดี
ิ
ิ
อเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ มาพจารณาประกอบด้วย ซึ่งการรับฟงพยานเอกสารในรูปแบบข้อมูล
ั
ิ
ั
ิ
ิ
อเล็กทรอนิกส์นั้น ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟงข้อมูลอเล็กทรอนิกส์เพยงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอเล็กทรอนิกส์
ิ
ี
และข้อมูลอเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าเป็น
ิ
หนังสือหรือหลักฐานเป็นหนังสือตามที่กฎหมายก าหนดด้วย
ื่
เพอแก้ปัญหาให้แก่ผู้บริโภคซึ่งอาจขาดความรู้หรือขาดอานาจต่อรอง จนไม่สามารถน าพยานเอกสาร
ไม่ว่ารูปแบบใดมาฟองร้องหรือสืบพยานในคดีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่าย
้
ที่ต้องรับผิดจึงจะฟองร้องบังคับคดีได้ หรือในกรณีที่กฎหมายบังคับให้สัญญาที่ท าขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับ
้
ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องท าตามแบบที่กฎหมายก าหนด ถ้าไม่ท าให้ถูกต้องตามแบบนั้นเป็นโมฆะตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒ พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๐ จึง
ิ
่
วางหลักว่า