Page 140 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 140
๑๒๗
ั
ุ
ประกอบส าเนาหนังสือรับรองของบริษัทเท่านั้น โดยไม่ปรากฏวัตถุประสงค์ของบริษัท ศาลอทธรณ์จึงฟงว่า
ิ
การที่บริษัท ท. รับมอบอานาจจากโจทก์ให้ฟ้องและด าเนินคดีแทนเป็นการกระท านอกวัตถุประสงค์ พพากษา
ยกฟอง โจทก์จึงฎีกาโดยอางส่งส าเนารายการค าขอจดทะเบียนของบริษัท ท. มาท้ายฎีกาว่า บริษัท ท.
้
้
มีวัตถุประสงค์ของบริษัทข้อ ๑๒ ว่า ประกอบกิจการให้บริการติดตามทวงถาม เรียกเก็บหนี้และทรัพย์สินให้แก่
บุคคล สถาบันการเงินหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน สินเชื่อบุคคล ให้เช่าซื้อ บัตรเครดิต
้
ให้บริการฟองร้อง ด าเนินคดีแทนบุคคล หรือนิติบุคคล ซึ่งศาลชั้นต้นได้ส่งส าเนาฎีกาดังกล่าวให้แก่จ าเลยแล้ว
โดยชอบ แต่จ าเลยไม่ยื่นค าแก้ฎีกาหรือโต้แย้งเอกสารส าเนารายการค าขอจดทะเบียนท้ายฎีกาดังกล่าว
้
ิ
แม้เอกสารเช่นว่านั้น โจทก์จะไม่เคยแสดงความจ านงอางองเป็นพยานหลักฐานโดยยื่นบัญชีระบุพยานมาก่อน
แต่เมื่อเป็นพยานหลักฐานอนส าคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อส าคัญในคดีจ าเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่า
ั
ื่
ั
นั้น เพอประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลฎีกาจึงมีอานาจรับฟงส าเนารายการค าขอจดทะเบียนท้ายฎีกาเป็น
ิ
่
พยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๘๗ (๒) ประกอบพระราชบัญญัติวิธี
ิ
พจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๗ เมื่อตามส าเนารายการค าขอจดทะเบียนท้ายฎีกาปรากฏว่า
บริษัท ท. มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการให้บริการติดตามทวงถาม เรียกเก็บหนี้และทรัพย์สินให้แก่บุคคล
สถาบันการเงินหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน สินเชื่อบุคคล ให้เช่าซื้อ บัตรเครดิต ให้บริการ
ั
ฟองร้อง ด าเนินคดีแทนบุคคล หรือนิติบุคคลแล้ว อนสอดคล้องกับที่พยานโจทก์เบิกความตอบค าถามค้าน
้
ทนายจ าเลยว่า ในการมอบอานาจด าเนินคดีนี้ บริษัท ท. ได้รับค่าจ้างจากโจทก์ มีการท าสัญญาเป็นรายปี
โดยจ าเลยไม่ได้น าสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น โจทก์จึงมีอ านาจฟ้อง
ในคดีผู้บริโภคบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่อาจมีการใช้หรือรับบริการอย่าง
แพร่หลาย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น อาจมีการฟองร้องผู้ประกอบธุรกิจหลายคดี โดยมิได้มีการด าเนินคดีแบบ
้
้
กลุ่ม หรือผู้บริโภคทั้งหลายไม่ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟองผู้ประกอบธุรกิจเป็นคดีเดียวกัน พระราชบัญญัติวิธี
ิ
ั
ิ
พจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้วางหลักเกณฑ์การรับฟงข้อเท็จจริงที่พพาทให้เป็นอย่างเดียวกันไว้ว่า
ิ
ในคดีผู้บริโภคที่มีการฟองผู้ประกอบธุรกิจรายเดียวกันหลายคดีโดยมีข้อเท็จจริงที่พพาทเป็นอย่างเดียวกัน
้
ถ้าปรากฏว่า มีบางคดีที่ศาลมีค าพพากษาคดีถึงที่สุดไปก่อนแล้วและได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงพพาทเป็นอย่าง
ิ
ิ
เดียวกันกับคดีหลัง ศาลในคดีหลังอาจมีค าสั่งให้ถือว่าข้อเท็จจริงในประเด็นนั้นเป็นอนยุติเช่นเดียวกับคดีก่อน
ั
โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานก็ได้ และหากศาลในคดีหลังเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีก่อนยังไม่เพยงพอแก่การ
ี
ื่
วินิจฉัยคดี หรือเพอให้โอกาสแก่คู่ความที่เสียเปรียบต่อสู้คดี ศาลมีอานาจเรียกพยานหลักฐานมาสืบเองหรือ
อนุญาตให้คู่ความน าพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควรก็ได้
๘
๘ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๓๐