Page 139 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 139
๑๒๖
นอกจากนี้ เพอประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอนที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงในคดี
ื่
ั
ิ
พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๓๓ ยังให้อานาจศาลที่จะเรียกพยานหลักฐานมา
สืบได้เองตามที่เห็นสมควร และมีอานาจสั่งให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานที่จ าเป็น
แล้วรายงานให้ศาลทราบรวมทั้งมีอ านาจเรียกส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานหรือบุคคลที่
ื่
ิ
เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล หรือให้จัดส่งพยานหลักฐานเพอประกอบการพจารณาได้ แม้มีการสืบพยานหลักฐานจน
เสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังมิได้มีคาพพากษาหรือค าสั่ง พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค มาตรา ๓๗ ก็ให้อ านาจ
ิ
ื่
ศาลที่จะสืบพยานหลักฐานเพมเติมได้ หากมีความจ าเป็นเพอประโยชน์แห่งความยุติธรรม ซึ่งศาลฎีกาเคยมี
ิ่
ค าสั่งให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานที่จ าเป็นเข้าส านวนแล้วรายงานให้ศาลทราบ
ค าพพากษาฎีกาที่ ๕๒๒๘/๒๕๖๑ โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรฟองให้จ าเลยที่เป็นเจ้าของ
ิ
้
กรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในโครงการหมู่บ้านที่โจทก์ดูแล ช าระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าปรับและค่าติดตามหนี้รวม
้
เป็นเงิน ๕๒,๑๖๒ บาท มีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์มีอานาจฟองหรือไม่ และการเรียกเก็บค่าส่วนกลางชอบ
ด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในชั้นท าค าพพากษาของศาลฎีกา มีปัญหาส าคัญที่ต้องพจารณาด้วยว่าการจัดตั้ง
ิ
ิ
นิติบุคคลโจทก์เป็นไปโดยชอบด้วยข้อบังคับและตามกฎหมายหรือไม่ โดยปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นฎีกาว่ามีการ
ิ
ี
ฟองขอเพกถอนการจัดตั้งนิติบุคคลโจทก์อกคดีหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการพจารณาของศาลฎีกา แต่ข้อเท็จจริงนี้
้
ิ
ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้างและส่งพยานหลักฐานเพมเติมต่อศาลฎีกา แต่เมื่อคดีนี้เป็นคดีผู้บริโภคซึ่งการ
ิ่
ิ
พจารณาและการสืบพยานคดีเป็นระบบไต่สวน ศาลฎีกาอาศัยอานาจตามพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดี
ิ
ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔ ให้เจ้าพนักงานคดีในศาลฎีกาตรวจสอบคดีดังกล่าวและรายงานให้ศาลทราบ
ิ
เพื่อประกอบการพิจารณาพพากษาคดีต่อไป ต่อมาเจ้าพนักงานคดีรายงานว่า ศาลฎีกาดังกล่าวพิพากษาให้เพก
ิ
ถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลโจทก์ ศาลฎีกาจึงได้น าค าพพากษาศาลฎีกาดังกล่าวมาใช้ประกอบการพจารณา
ิ
ิ
ิ
ั
้
โดยฟงว่า โจทก์ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลอกต่อไป พพากษายกฟอง ซึ่งการใช้อานาจของศาลฎีกานี้น่าจะถือได้ว่า
ี
เป็นการใช้อ านาจตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๓๗
นอกเหนือจากอานาจในการแสวงหาข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นแล้ว พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดี
ิ
ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ ยังให้อานาจศาลในคดีผู้บริโภคน าบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพ่ง
ิ
มาตรา ๘๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลมได้ โดยหากเกิดกรณีที่คู่ความน าส่งพยานหลักฐานโดยไม่ได้ปฏิบัติตาม
ื่
กฎหมายเกี่ยวกับการยื่นบัญชีระบุพยาน แต่ศาลเห็นว่า เพอประโยชน์แห่งความยุติธรรมจ าเป็นจะต้อง
ั
ั
สืบพยานหลักฐานอนส าคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อส าคัญในคดี ศาลก็อาจรับฟงพยานหลักฐานที่น ามาสืบ
เพิ่มเติมนั้นได้
ค าพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๙๐/๒๕๖๑ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์มอบอ านาจให้บริษัท ท. มีอ านาจฟ้องและ
ด าเนินคดีนี้แทนรวมทั้งให้มีอานาจมอบอานาจช่วงได้ แต่ในชั้นสืบพยาน โจทก์น าพยานบุคคลเบิกความ