Page 201 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 201

๑๘๘


                                                    ิ
                 เจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้น เมื่อศาลพพากษาให้ปรับจ าเลย จ าเลยย่อมมีสิทธิช าระค่าปรับได้ภายใน
                                    ิ
                                                                                            ั
                                                                           ิ
                 ๓๐ วัน ศาลจะใช้ดุลพนิจสั่งให้กักขังจ าเลยแทนค่าปรับในวันที่ศาลพพากษาได้เมื่อมีเหตุอนควรสงสัยว่า
                                                                            ั
                 จ าเลยจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับเท่านั้น แต่หากศาลเห็นว่าไม่มีเหตุอนควรสงสัยว่าจ าเลยจะหลีกเลี่ยง
                                                                                              ั
                 ไม่ช าระค่าปรับ ก็ต้องให้โอกาสจ าเลยน าเงินค่าปรับมาช าระภายใน ๓๐ วัน โดยก าหนด “วนเริ่มบังคับ
                 โทษปรับ” เมื่อพ้นเวลาดังกล่าว


                 ๓. บทสรุปและข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหา

                        ๓.๑ บทสรุป

                        โทษปรับเป็นโทษที่บังคับเอากับทรัพย์สินของจ าเลย การลงโทษมีวัตถุประสงค์เพอข่มขู่ให้จ าเลย
                                                                                           ื่
                 รู้สึกเข็ดหลาบในการกระท าความผิด เมื่อศาลพพากษาให้ปรับจ าเลย หากจ าเลยช าระค่าปรับ การบังคับ
                                                         ิ
                 โทษย่อมเสร็จสิ้น แต่เมื่อจ าเลยไม่ช าระค่าปรับ ต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของ

                 จ าเลยอย่างรุนแรง เกิดความไม่เสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย โดยจ าเลยที่มีฐานะร่ ารวยสามารถช าระ
                 ค่าปรับได้โดยไม่ได้รับความเดือนร้อน แต่จ าเลยที่มีฐานะยากจนไม่มีเงินช าระค่าปรับต้องถูกกักขังแทน

                 ค่าปรับทันที ท าให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับจ าเลยซึ่งมีฐานะยากจน และเป็นที่พงหลักของครอบครัว
                                                                                      ึ่
                 ทั้งเป็นการใช้ทรัพยากรบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเป็นก าลังส าคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่าง

                 ไม่คุ้มค่าและเสียประโยชน์อย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับผลเล็กน้อยที่จะพึงได้รับจากขั้นตอนการบังคับโทษปรับ

                                                                                                  ิ
                                                       ิ
                        การลงโทษทางอาญา เมื่อศาลมีค าพพากษาแล้ว จ าเลยย่อมต้องถูกบังคับโทษตามค าพพากษา
                 ทันที แต่การบังคับโทษปรับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า “ผู้ใด
                                                                          ิ
                 ต้องโทษปรับและไม่ช าระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพพากษา ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์สิน
                                                ื่
                 หรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินเพอใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ แต่ถ้าศาลเห็น
                 เหตุอนควรสงสัยว่าผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ ศาลจะเรียกประกันหรือจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับไป
                     ั
                                                          ิ
                 พลางก่อนก็ได้” ดังนั้น หากยอมรับว่า เมื่อศาลพพากษาให้ปรับจ าเลย จ าเลยมีสิทธิช าระค่าปรับภายใน
                 ๓๐ วัน นับแต่วันที่ศาลพพากษา ในคดีอาญาความผิดไม่ร้ายแรง จ าเลยไม่สมควรถูกจ ากัดสิทธิเสรีภาพ
                                      ิ
                 จ าเลยไม่มีเงินช าระค่าปรับ ไม่ถือว่ามีเหตุอนควรสงสัยว่าจ าเลยจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ การให้สิทธิ
                                                     ั
                 จ าเลยช าระค่าปรับภายใน ๓๐ วัน โดยก าหนด “วนเริ่มบังคับโทษปรับ” เมื่อพนก าหนดเวลาดังกล่าว
                                                            ั
                                                                                     ้
                 ย่อมเกิดความเป็นธรรมกับจ าเลยซึ่งมีฐานะยากจน ลดความเลื่อมล้ าในกระบวนการยุติธรรม ลดการคุมขัง
                 โดยไม่จ าเป็น และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมยิ่งกว่าที่ผ่านมา

                        ๓.๒ ข้อเสนอแนะ

                               ๑) ในคดีอาญาความผิดไม่ร้ายแรง เมื่อศาลพพากษาให้ปรับจ าเลย หากจ าเลยไม่มีเงิน
                                                                     ิ
                 ช าระค่าปรับ ให้ศาลก าหนดเวลาให้จ าเลยน าเงินค่าปรับมาช าระภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ศาลพพากษา
                                                                                                  ิ
                              ั
                                                       ้
                 โดยก าหนด “วนเริ่มบังคับโทษปรับ”  เมื่อพนก าหนดเวลาดังกล่าว หรือให้จ าเลยผ่อนช าระค่าปรับตาม
                 ความเหมาะสมกับรายได้หรือตามความจ าเป็นด้านอื่นของจ าเลย
   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206