Page 310 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 310
๒๙๗
บทบัญญัติในเรื่องดังกล่าวจะสอดคล้องกับหลักนิติธรรมโดยทั่วไป ในเรื่องของกฎหมายที่ดีต้องมีความชัดเจน
ุ
กระบวนการยุติธรรมที่ดีต้องเปิดโอกาสให้มีการอทธรณ์ และกระบวนการยุติธรรมต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน
เข้าถึงได้โดยสะดวก ไม่ขักช้า ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม รวมทั้งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในเรื่องสิทธิใน
การได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม สิทธิการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและเปิดเผย
และสิทธิในการได้รับการสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ก่อนศาลตัดสิน ตลอดจนหลักความเสมอภาคเบื้องหน้ากฎหมาย
ั
ที่ฝ่ายตุลาการมีความผูกพนต่อหลักความเสมอภาคในเรื่องความเสมอภาคของประชาชนต่อการฟองศาล
้
ั
โดยประชาชนมีสิทธิที่จะโต้แย้งและฟองร้องการกระท าของรัฐ อนเป็นสิทธิที่รับรองคุ้มครองให้ประชาชน
้
ิ
สามารถฟองศาลได้ รวมถึงการน าบรรดาข้อพพาทระหว่างประชาชนด้วยกันขึ้นสู่ศาลได้โดยไม่มีข้อจ ากัด ทั้งนี้
้
ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายวิธีพจารณาความของเรื่องนั้น ๆ และความเสมอภาคในการใช้กฎหมายโดยศาล
ิ
ซึ่งห้ามมิให้ศาลใช้อานาจโดยอาเภอใจ และบุคคลมีสิทธิในการเรียกร้องอย่างเท่าเทียมกันกับการให้เจ้าหน้าที่
๗
ของรัฐใช้ดุลพินิจอย่างปราศจากข้อบกพร่อง หรือไม่ เพียงใด
ิ
ุ
ในกรณีที่ค าพพากษาของสองชั้นศาล คือ ศาลชั้นต้นและศาลอทธรณ์แตกต่างกันสิ้นเชิง เช่น
้
ศาลชั้นต้นพพากษาให้โจทก์ขนะคดีแต่ศาลอทธรณ์พพากษากลับให้ยกฟอง หรือศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟอง
ิ
ุ
ิ
้
ิ
ุ
ิ
แต่ศาลอทธรณ์พพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี ถือได้ว่าค าพพากษายังไม่มีแน่นอนหรือยังไม่มีข้อยุติ หากศาล
ฎีกาไม่อนุญาตให้ฎีกาอาจกระทบต่อความเป็นธรรมของคู่ความเพราะศาลสองศาลห็นต่างกัน และคู่ความอาจ
ยังไม่ยอมรับนับถือหรือเคารพในค าพพากษาสมควรให้ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศพจารณาและ
ิ
ิ
ื่
ิ
ี
พพากษาอกครั้ง เพอให้เกิดความเป็นธรรมและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งจะสอดคล้องกับหลักความ
ศักดิ์สิทธิ์แห่งค าพพากษา (ResJudicata) อนเป็นหลักเกณฑ์ที่มีความส าคัญที่สุดประการหนึ่งของกฎหมายวิธี
ั
ิ
ิ
ิ
พจารณาความ กล่าวคือ เมื่อค าพพากษาหรือค าสั่งขี้ขาดข้อพพาทแห่งคดีอันเป็นยุติแล้วก็ควรที่คู่ความและ
ิ
ประชาชนจะต้องยอมรับและมีความเคารพในเหตุผล และผลแห่งค าตัดสินนั้นควรได้รับความเสื่อมใสและ
ุ
ิ
ศรัทธาจากผู้ใช้กฎหมายและประชาชน แต่ค าพพากษาของศาลชั้นตันและศาลอทธรณ์ที่พพากษาแตกต่างกัน
ิ
ดังกล่าวควรที่จะให้ศาลสูงหรือศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัยขี้ขาดอีกครั้ง
ข้อเสนอแนะ
จากการศึกษา จึงขอเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพงโดยระบุขอบเขต
่
ิ
ิ
คดีที่สามารถขออนุญาตฎีกาได้ดังกล่าวให้ชัดเจนซึ่งจะท าให้การพจารณาพพากษาคดีของศาลฎีกาเป็นไปโดย
ิ
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพอให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาและเป็นการ
ื่
แก้ไขปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นต่อค าพพากษาศาลอทธรณ์และแก้ไขปัญหาการใช้ดุลพนิจในการพจารณา
ิ
ุ
ิ
ิ
ค าร้องขออนุญาตฎีกา ดังนี้
๑. เสนอแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาตรา ๒๔๔/๑ ดังนี้
้
่
ิ
จากมาตรา ๒๔๔/๑ ที่บัญญัติว่า “มาตรา ๒๔๔/๑ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๔๗ ค าพพากษาหรือ
ค าสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด”
_____________________
๗ คณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และการต ารวจ วุฒิสภา ส านักงานเลขาธิการวุฒิสภา.เรื่องเดิม หน้า ๖๒