Page 306 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 306

๒๙๓


                                                                ื่
               ผู้วางแนวบรรทัดฐานและการตีความข้อกฎหมายที่ส าคัญเพอให้ค าพิพากษาของศาลเป็นเอกภาพ แต่หากคดีใด
                                                                                           ิ
                                                          ิ
                   ิ
                                                                       ์
               ค าพพากษาของสองศาลต่างชั้นกัน เช่นศาลชั้นต้นพพากษาให้โจทกชนะคดีแต่ศาลอทธรณ์พพากษากลับให้ยก
                                                                                     ุ
                                                              ิ
                                 ิ
               ฟอง หรือศาลชั้นต้นพพากษาให้ยกฟองแต่ศาลอทธรณ์พพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี หากศาลฎีกาไม่อนุญาต
                                              ้
                 ้
                                                       ุ
                                                                                                   ิ
               ให้ฎีกาก็อาจเกิดความไม่เป็นธรรมเพราะสองศาลเห็นต่างกัน จึงควรให้ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดพจารณา
                 ิ
               พพากษาอกครั้ง เพอให้เกิดความเป็นธรรมและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด จึงเห็นว่าควรมีการแก้ไขกฎหมาย
                                ื่
                        ี
                                 ิ
                                                                      ิ
               เกี่ยวการยื่นฎีกาค าพพากษาหรือค าสั่งใหม่ ส่วนคดีที่ศาลอุทธรณ์พพากษายืนนั้นได้ผ่านการพิจารณามาถึงสอง
               ชั้นศาลและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยแล้วจึงควรให้คดีประเภทนี้ถึงที่สุดในชั้นอุทธณ์
                           ๒. หลักเกณฑการพิจารณาในการขออนุญาตฎีกา
                                      ์
                               ปัญหาในการพิจารณาในการขออนุญาตฎีกาบางคดีศาลฎีกาไม่อาจที่จะพิจารณาเฉพาะค าร้อง
               ขออนุญาตฎีกาของคู่ความแต่เพยงประการเดียวได้ แต่ในทางปฏิบัติงานจริงผู้พพากษาต้องใช้ความละเอยด
                                          ี
                                                                                  ิ
                                                                                                       ี
                                ิ
               รอบคอบและต้องพจารณาในเนื้อหาฎีกาของคู่ความที่ขออนุญาตฎีกาและส านวนคดีทั้งหมดประกอบกับ
               หลักเกณฑ์การอนุญาตให้ฎีกาตามกฎหมายด้วยเพอน ามาพิจารณาวินิจฉัยว่าการขออนุญาตฎีกาของคู่ความนั้น
                                                        ื่
               เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ควรจะได้มีค าสั่งอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่ ทั้งต้องค านึงด้วยว่าหากอนุญาตให้ฎีกาโดยง่าย
                                                                                                  ี
                                                                                             ิ่
               ก็จะเป็นภาระในการพจารณาพพากษาของศาลฎีกาต่อไปจนอาจท าให้เกิดปัญหาปริมาณคดีเพมขึ้นอก แต่หาก
                                 ิ
                                         ิ
               พจารณาอย่างเคร่งครัดไม่อนุญาตให้ฎีกามากเกินไปซึ่งท าให้คดียุติไปตามค าพพากษาหรือค าสั่งศาลอทธรณ์
                                                                                 ิ
                                                                                                    ุ
                 ิ
                                                                           ิ
               อาจมีข้อผิดพลาดบกพร่องบ้าง ก็อาจท าให้เสียความยุติธรรมได้ การพจารณาวินิจฉัยค าร้องขออนุญาตฎีกา
               จึงต้องใช้เวลานานพอสมควร โดยตามข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการขออนุญาตฎีกาในคดีแพง
                                                                                                         ่
                                                            ึ
                                                               ิ
                                                     ิ
               พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๑๒ ก าหนดให้องค์คณะผู้พพากษาพงพจารณาวินิจฉัยและมีค าสั่งค าร้องขออนุญาตฎีกาให้
               แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน นับแต่วันที่ได้รับส านวน นอกจากนี้หลังจากองค์คณะผู้พพากษาศาลฎีกาท าค าสั่งค า
                                                                                   ิ
                                                                                       ิ
               ร้องดังกล่าวแล้วเสร็จ ก็ยังต้องผ่านกระบวนการตรวจร่างค าสั่งของกองผู้ช่วยผู้พพากษาศาลฎีกาและ

               กระบวนการพิจารณาสั่งออกร่างคาสั่งของผู้บริหารผู้รับผิดชอบราชการศาลฎีกาก่อนที่จะส่งค าสั่งศาลฎีกาไปให้
                                                                                                   ่
               ศาลชั้นต้นอานให้คู่ความฟง ซึ่งต้องใช้เวลาอกระยะหนึ่ง หากมีการยื่นค าร้องขออนุญาตฎีกาในคดีแพงจ านวน
                         ่
                                     ั
                                                    ี
               มากก็ย่อมมีผลท าให้ศาลฎีกาไม่สามารถพจารณาคดีที่ค้างพจารณาอยู่ให้เสร็จสิ้นไปด้วยความรวดเร็วได้ แม้ว่า
                                                                ิ
                                                  ิ
               ปริมาณคดีแพงรับใหม่ของศาลฎีกาจะลดลงแล้วก็ตามและถ้าศาลฎีกายังคงอยู่ในสภาวะที่มีปริมาณคดีค้าง
                           ่
               พจารณาสะสมเพมขึ้นอย่างต่อเนื่องอก การแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนระบบการฎีกาจากระบบสิทธิเป็นระบบ
                              ิ่
                                               ี
                 ิ
               อนุญาต ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๘
                                                                                  ่
                                                                     ิ
                                              ิ่
               จึงยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาได้เท่าที่ควร
                                                                       ิ
                                                ิ่
                           ๓. พระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๘
                                                                                    ่
               ได้แก้ไขมาตรา ๒๔๙ ให้ศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาได้เมื่อเห็นว่าปัญหาที่ฎีกาเป็นปัญหาส าคัญที่ศาลฎีกา
               ควรวินิจฉัย โดยปัญหาส าคัญนี้ได้แก  ่
                           (๑) ปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน
                                                            ุ
                           (๒) เมื่อค าพพากษาหรือค าสั่งของศาลอทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ส าคัญขัดกันหรือขัดกับ
                                     ิ
               แนวบรรทัดฐานของค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลฎีกา
   301   302   303   304   305   306   307   308   309   310   311