Page 305 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 305

๒๙๒


                                   ิ่
               พระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๘ ก าหนดค านิยามของศาลชั้น
                                                                                              ื่
                                                                                                    ื่
                                                                                    ิ่
                ุ
                                                 ุ
                                                                ิ
               อทธรณ์ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งศาลอทธรณ์คดีช านัญพเศษ และมีการแก้ไขเพมเติมเรื่องอนๆ เพอความ
               สมบูรณ์ของกฎหมายให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคดีของศาลยุติธรรม การแก้ไขเปลี่ยนแปลงการ
               ฎีกาในคดีแพ่งเป็นระบบอนุญาตจึงเป็นย่างก้าวประวัติศาสตร์ครั้งส าคัญยิ่งในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
               ไทย เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการฎีกาของประเทศต่างๆ ที่พัฒนาแล้ว ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
               เรื่องการอทธรณ์และฎีกาของศาลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการจัดองค์กรของศาล
                        ุ
                                           ื่
                                                    ิ
               ครั้งใหญ่ด้วย โดยมีเป้าหมายเพอให้การพจารณาพพากษาคดีของศาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
                                                            ิ
               ซึ่งประโยชน์ที่จะได้ย่อมตกอยู่แก่ประเทศชาติและประชาชนโดยตรง


               ปัญหาและผลกระทบ
                           ๑. คู่ความสามารถฎีกาได้โดยไม่มีการจ ากัดประเภทของคดี

                                                                           ่
                                     ิ่
                           การแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพงตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติม
                                                             ิ
                                                                                                     ิ่
                                ิ
               ประมวลหมายวิธีพจารณาความแพง (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลท าให้ฎีกาได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและ
                                             ่
               ปัญหาข้อกฎหมายและไม่จ ากัดจ านวนทุนทรัพย์ จากคดีที่เคยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวล
                          ิ
               กฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๒๔๘ (เดิม) ซึ่งก าหนดราคาทรัพย์สินหรือจ านวนทุนทรัพย์ที่พพาทกัน
                                        ่
                                                                                                   ิ
               ในชั้นฎีกาไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้
               เช่าได้ในขณะยื่นฟองไม่เกินเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ก็สามารถฎีกาได้ด้วย ส่วนปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเดิม
                               ้
               สามารถฎีกาได้ก็ต้องขออนุญาตฎีกา ซึ่งการเปลี่ยนระบบฎีกาจากระบบสิทธิเป็นระบบอนุญาตนั้นซึ่งมี
               วัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา แต่อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวอาจไม่บรรลุผล

                                                                         ่
                                                                                                 ิ่
                                                          ิ
               เท่าที่ควรเนื่องจากตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๒๔๗ ที่แก้ไขเพมเติมโดย
                                                                          ่
                                                            ิ
               พระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ ยังคงให้
                                    ิ่
               คู่ความสามารถขออนุญาตฎีกาได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย แม้มีหลักเกณฑ์ในการ
                 ิ
               พจารณาอนุญาตไว้ก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติการจะอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่นั้นเป็นดุลพนิจของศาลฎีกาที่จะเป็น
                                                                                     ิ
               ผู้พิจารณาค าร้องขออนุญาตฎีกาของผู้ฎีกาว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่
                           การขออนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้นอาจท าให้วัตถุประสงค์ที่ต้องการลดปริมาณคดี
               ขึ้นสู่ศาลฎีกาไม่เป็นผลส าเร็จเท่าที่ควร เพราะจะท าให้คู่ความฝ่ายแพคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอทธรณ์ใช้สิทธิ
                                                                                               ุ
                                                                         ้
               ขออนุญาตฎีกาเป็นจ านวนมาก และมีค าร้องขออนุญาตฎีกาเข้าสู่การพจารณาของศาลฎีกาเป็นจ านวนมาก
                                                                           ิ
               อนอาจท าให้ผู้พพากษาศาลฎีกาจะต้องใช้เวลาในการท าหน้าที่ตรวจค าร้องขออนุญาตฎีกาและเนื้อหาฎีกาของ
                             ิ
                ั
               คู่ความในส่วนที่เป็นการขออนุญาตฎีกาในประเด็นปัญหาข้อเท็จจริง โดยที่ยังไม่ได้เป็นการพจารณาวินิจฉัย
                                                                                             ิ
               ตัดสินคดีแต่อย่างใด ซึ่งจะท าให้เกิดการท างานของศาลฎีกาล่าช้าและซ้ าซ้อน ท าให้ไม่เกิดการเคารพ ยอมรับ

                               ิ
               และเชื่อมั่น ในค าพพากษาศาลอทธรณ์ จึงควรก าหนดประเภทคดีให้ฎีกาได้เฉพาะคดีที่ศาลอทธรณ์พพากษา
                                          ุ
                                                                                                    ิ
                                                                                             ุ
                       ิ
                                                                                        ื่
               กลับค าพพากษาหรือค าสั่งศาลชั้นต้นและให้ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น เพอให้ศาลฎีกาท าหน้าที่
                                                   ิ
                                                                                      ุ
               ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของค าพพากษาหรือค าสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอทธรณ์ และท าหน้าเป็น
   300   301   302   303   304   305   306   307   308   309   310