Page 470 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 470

๔๕๘


                            ปัจจุบันมีผู้เสพยาเสพติดถูกด าเนินคดีในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดที่ยังไม่ปรากฏ

                 ผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๗ , ๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทาง

                                                                                  ิ
                 บก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหนึ่ง , ๑๕๗/๑ วรรคสอง เข้าสู่การพจารณาพพากษาของศาล
                                                                                          ิ
                 จ านวนมาก จากข้อมูลของส านักแผนงานและงบประมาณ ส านักงานศาลยุติธรรม ในกลุ่ม ศาลแขวง

                 ศาลจังหวัด และศาลอาญา ระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๖๔ ถึง เดือนเมษายน ๒๕๖๔ มีผู้กระท าความผิด

                 ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ จ านวน ๕๐,๕๔๙ คดี เป็นความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา

                 ๒๗,๑๙๕ คดี เป็นความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติด ๗,๘๑๒ คดี จากการท างานได้มีโอกาสสอบถาม

                 ผู้กระท าความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระท าผิดพบว่า ผู้กระท าความผิด


                 ส่วนหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่โดยตรงในการขับขี่รถ เหตุที่เสพยาเสพติดเนื่องจากต้องการท างานขับขี่รถได้มากขึ้น
                 อกส่วนหนึ่งผู้เสพยาเสพติดไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่รถโดยตรง แต่จะใช้รถเป็นพาหนะในการ
                  ี

                 เดินทางเป็นปกติแต่เนื่องจากยังมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย โดยข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
                                    ๔
                 กระทรวงสาธารณะสุข  ระบุช่วงเวลาที่มีโอกาสตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของผู้เสพเมทแอมเฟตามีน

                 ส าหรบผู้เสพไม่ประจ า ๑ ถึง ๒ วัน ส าหรับผู้เสพประจ า ๒ ถึง ๖ วัน ส าหรับผู้เสพเรื้อรัง ๒ ถึง ๓ สัปดาห์
                 จึงอาจท าให้มีสารเสพติดค้างอยู่ในร่างกายขณะขับขี่รถ เมื่อเจ้าพนักงานต ารวจตรวจพบสารเสพติดก็ต้อง


                                                                                                      ิ
                 ด าเนินคดีฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติด เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ผู้พิพากษามักใช้ดุลพนิจ
                 พจารณาลงโทษตามบัญชีมาตรฐานโทษซึ่งพจารณาจากจ านวนครั้งที่กระท าความผิด หรือประเภทของรถ
                  ิ
                                                      ิ
                 ที่ผู้เสพยาเสพติดขับขี่ เช่น ผู้เสพยาเสพติดขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ส่วนบุคคลแล้วถูกจับกุม

                                         ิ
                 ด าเนินคดีครั้งแรกมักใช้ดุลพนิจรอการลงโทษ โดยก าหนดเงื่อนไขให้ไปพบพนักงานคุมประพฤติ ท างาน
                 บริการสังคม และห้ามจ าเลยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หากเป็นการกระท าความผิดครั้งที่สอง มักใช้ดุลพนิจ
                                                                                                      ิ
                 ลงโทษจ าคุก หรือถ้าผู้เสพยาเสพติดขับขี่รถบางประเภท เช่น รถยนต์บรรทุก รถโดยสารประจ าทาง แม้เป็น

                 การกระท าความผิดครั้งแรกก็จะใช้ดุลพนิจลงโทษจ าคุกโดยไม่รอการลงโทษ การลงโทษดังกล่าว
                                                     ิ
                 มีลักษณะเพอป้องกันอาชญา กรรมจากผู้กระท าความผิดหรือผู้มีแนวโน้มจะกระท าความผิดในสังคมโดย
                           ื่
                 การใช้“โทษจ าคุก”และ“เรือนจ า”เป็นเครื่องมือมิให้มีการกระท าความผิดซ้ าหรือไม่กล้ากระท าความผิด

                                                                                               ิ
                 แต่ปรากฏว่ายังมีผู้เสพยาเสพติดถูกด าเนินคดีฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการพจารณาของ
                 ศาลจ านวนมาก บางส่วนเป็นผู้กลับมากระท าความผิดซ้ าแม้ว่าจะเคยได้รับโทษจ าคุกมาแล้ว เป็นเหตุให้

                 ผู้เสพยาเสพติดเข้าไปอยู่ในเรือนจ านวนมาก มีผลกระทบโดยตรงกับผู้เสพยาเสพติดและครอบครัว


                        ๔  ส านักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (๒๕๕๙), คู่มือการทดสอบสารเสพติดในปัสสาวะ

                 (ออนไลน์), (๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔). https://bdn.go.th/attachment/download/download.php?WP
                 =GT9gMTqCqWOchKwtpTggWap3GQAgG2rDqYyc4Uux.
   465   466   467   468   469   470   471   472   473   474   475