Page 53 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 53
40
มีข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามยาเสพติดก็ตาม แต่ก็อาจจะไม่ได้รับประโยชน์
ิ
ั
ตามมาตรา ๑๐๐/๒ เสมอไป อนเกิดจากการใช้ดุลพนิจของศาลในการพจารณาที่ยังไม่เป็นไปในแนวทาง
ิ
เดียวกัน ซึ่งจะกล่าวใน ๓ ประเด็นที่ส าคัญ ดังนี้
ประเด็นแรกคือ เรื่องระยะเวลาของการน าเสนอข้อมูลตามมาตรา ๑๐๐/๒ เนื่องจากมาตรา
ื่
๑๐๐/๒ ไม่ได้ก าหนดว่าต้องยื่นค าร้องเพอขอรับประโยชน์ตามมาตราดังกล่าวต่อศาลภายในระยะเวลาเท่าใด
ิ
ที่ผ่านมาศาลจึงใช้แนวตามค าพพากษาของศาลฎีกาที่ต้องให้ข้อมูลตามมาตรา ๑๐๐/๒ และน าเสนอ
ิ
พยานหลักฐานก่อนศาลชั้นต้นมีค าพพากษาเท่านั้นจึงจะถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ ท าให้ระยะเวลาการยื่นค าร้องนี้
ถูกจ ากัดลง ซึ่งไม่ครอบคลุมในกรณีที่ผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยบางรายกลับใจให้ข้อมูลในภายหลัง หรือกรณี
ื่
ผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยให้ข้อมูลไว้แต่ต้นแล้วแต่เจ้าพนักงานต้องใช้เวลานานในการสืบสวนขยายผลเพอจะ
ไปจับกุมนายทุนหรือตัวการใหญ่ได้ ท าให้ไม่อาจยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ และน าเสนอพยานหลักฐานได้
ั
ทันก าหนด อนเป็นลักษณะจ ากัดสิทธิของผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรา ๑๐๐/๒
อย่างเป็นธรรมทั้งที่ได้ให้ข้อมูลอนเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่เจ้าพนักงานแล้ว ผู้เขียนเห็นว่าศาลควรค านึงถึง
ั
พฤติการณ์แห่งคดี ระยะเวลาที่เจ้าพนักงานใช้ในการสืบสวนขยายผล และปัจจัยต่าง ๆ ในการปราบปราม
ื่
ยาเสพติดประกอบด้วยเพอเปิดโอกาสให้มีการแจ้งข้อมูลหรือน าเสนอพยานหลักฐานได้โดยไม่ถูกจ ากัด
ระยะเวลาและชั้นศาล อนเป็นการจูงใจให้มีการแจ้งเบาะแสส าคัญของผู้กระท าความผิดรายอนที่เป็นตัวการ
ื่
ั
ใหญ่และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรา ๑๐๐/๒ ส่วนข้อมูลนั้นจะเข้าหลักเกณฑ์การให้ประโยชน์ตาม
มาตรา ๑๐๐/๒ หรือไม่ อย่างไร และศาลจะให้ประโยชน์โดยการก าหนดโทษน้อยกว่าอตราโทษขั้นต่ าที่
ั
กฎหมายก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้นหรือไม่ เพียงใด ย่อมอยู่ในการพิจารณาของศาลในอีกขั้นตอนหนึ่ง
ประเด็นที่สองคือ เรื่องการตีความของการเป็นข้อมูลส าคัญที่จะได้รับประโยชน์ตามมาตรา
๑๐๐/๒ เบื้องต้นศาลจะพจารณาว่าข้อมูลที่จะได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ต้องเป็นข้อมูลที่ส าคัญและ
ิ
ี
ข้อมูลนั้นต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หากปรากฏเพยง
ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ศาลจะถือว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับประโยชน์ตามมาตราดังกล่าว แต่เนื่องจาก
มาตรา ๑๐๐/๒ ไม่ได้ก าหนดความหมายของค าว่า “ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง” ไว้ว่าเป็น
อย่างไร ที่ผ่านมาศาลจึงใช้แนวตามคาพพากษาของศาลฎีกาที่ว่าต้องเป็นข้อมูลที่น าไปสู่การขยายผลโดยตรงใน
ิ
การจับกุมผู้กระท าความผิดรายอื่น หรือยึดยาเสพติดให้โทษจ านวนอื่นเพิ่มได้ และต้องเป็นข้อมูลที่เจ้าพนักงาน
ั
ไม่เคยรู้หรือสืบทราบมาก่อนหรืออยู่นอกเหนือวิสัยจากการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติอนเป็นการมุ่งเน้นว่าต้อง
ื่
จับกุมตัวผู้กระท าผิดรายอนได้หรือต้องยึดยาเสพติดจ านวนอนได้ มากกว่ามุ่งเน้นให้ความส าคัญกับตัวข้อมูลที่
ื่
เป็นประโยชน์ต่อการขยายผลไปจับกุมนายทุนหรือตัวการใหญ่อนเป็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของมาตรา ๑๐๐/๒
ั
ประกอบกับการให้ศาลใช้ดุลพนิจพจารณาข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง ท าให้มีการตีความแตกต่างกันและ
ิ
ิ
ิ
เปลี่ยนแปลงไปมาทั้งที่มีข้อเท็จจริงใกล้เคียงกัน ท าให้การใช้ดุลพนิจของศาลในการก าหนดโทษคลาดเคลื่อน
และไม่เป็นเอกภาพ ในส่วนนี้ผู้เขียนเห็นว่าหากศาลโดยท่านประธานศาลฎีกาออกค าแนะน าเกี่ยวกับหลักเกณฑ์
ของการใช้ดุลพนิจตามมาตรา ๑๐๐/๒ โดยบัญญัติความหมายของค าว่า “ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์
ิ
อย่างยิ่ง” ไว้อย่างชัดเจน ก าหนดลักษณะและพฤติการณ์ของข้อมูลส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ศาลจะใช้
ิ
ิ
พจารณา รวมถึงแนะน าการใช้ดุลพนิจของศาลว่าต้องค านึงถึงปัจจัยใดบ้างในการก าหนดโทษ ย่อมจะเป็น