Page 49 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 49

36


                 ที่ให้ข้อมูลเข้าหลักเกณฑ์ และข้อมูลนั้นสามารถน าไปสู่การปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้

                 โทษได้ จึงเป็นโอกาสให้ผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยที่รู้ส านึกและต้องการกลับใจให้ความช่วยเหลือแก่
                 เจ้าพนักงานในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดใช้ช่องทางตามมาตราดังกล่าวให้ได้รับ
                 ประโยชน์มากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันพบว่ามีระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าด้วยแนว
                 ทางการประสานงานคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๓ สวนที่ ๘ การด าเนินการตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
                           33
                 พ.ศ. ๒๕๒๒  ก าหนดแนวทางด าเนินการตามมาตรา ๑๐๐/๒ นี้ไว้ โดยเป็นการประสานงานระหว่างเจ้าพนักงาน
                 ผู้จับ พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ซึ่งมีสาระส าคัญ คือ
                            - เมื่อผู้ถูกจับต้องการจะให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท า
                                                                    ี
                 ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ให้ผู้ถูกจับบันทึกรายละเอยดแหล่งข้อมูลด้วยตนเองและลงลายมือชื่อไว้
                 หากไม่อาจบันทึกข้อมูลเองได้ ให้เจ้าพนักงานผู้จับเป็นผู้บันทึกข้อมูลแล้วลงลายมือชื่อของผู้ถูกจับ ผู้บันทึกและ
                                                                           ื่
                 พยาน (ถ้ามี) ไว้ จากนั้นให้เจ้าพนักงานผู้จับรวบรวมพยานหลักฐานเพอพสูจน์หรือยืนยันว่าเป็นการให้ข้อมูลที่
                                                                              ิ
                 ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ แล้วส่งบันทึก
                         ี
                 รายละเอยดการให้ข้อมูลดังกล่าว บันทึกการจับกุม และพยานหลักฐานจากการน าข้อมูลไปใช้ขยายผลให้แก่
                 พนักงานสอบสวน
                            - ให้พนักงานสอบสวนบันทึกค าให้การเกี่ยวกับการให้ข้อมูลนั้นและบันทึกผลการน าข้อมูล
                 ดังกล่าวไปใช้ขยายผลแล้วน าไปรวมไว้ในส านวนการสอบสวน พร้อมทั้งสอบสวนผู้ต้องหาที่ให้ข้อมูลไว้ในฐานะ

                 เป็นพยานของคดีที่ขยายผลการจับกุมได้ ให้พนักงานสอบสวนสอบปากค าเจ้าพนักงานผู้จับไว้ในส านวนการ
                 สอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิด และพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการให้ข้อมูลดังกล่าว
                 ไว้ในส านวนการสอบสวนด้วย พร้อมกับท าความเห็นเกี่ยวกับการให้ข้อมูลของผู้ต้องหาไว้ในส านวนการ
                 สอบสวน แล้วส่งส านวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ
                                                ิ
                            - ให้พนักงานอยการพจารณาว่าผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลตามเงื่อนไขหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงและ
                                         ั
                                     ี
                                                    ั
                 พยานหลักฐานยังไม่เพยงพอ พนักงานอยการมีค าสั่งให้พนักงานสอบสวนท าการสอบสวนหรือรวบรวม
                                                                               ิ
                 ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพมเติมในส่วนนี้ได้ หากพนักงานอยการพจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงและ
                                             ิ่
                                                                        ั
                 พยานหลักฐานเป็นไปตามหลักเกณฑ์และมีเหตุผลสมควร ให้พนักงานอยการบรรยายฟองและมีค าขอท้ายฟ้อง
                                                                           ั
                                                                                        ้
                 ขอให้ศาลพิจารณาลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ าที่ก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้น
                            - กรณีที่เจ้าพนักงานผู้จับหรือพนักงานสอบสวนได้รับข้อมูลจากผู้ต้องหาและสามารถน าไปขยาย
                 ผลได้ในภายหลังจากที่พนักงานอยการยื่นฟองผู้ต้องหาเป็นจ าเลยต่อศาลแล้ว ให้เจ้าพนักงานผู้จับหรือผู้ขยาย
                                                     ้
                                            ั
                 ผลหรือพนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงานอัยการทราบเพื่อแจ้งข้อเท็จจริงให้ศาลทราบต่อไป
                            ตามระเบียบข้างต้นจะเห็นได้ว่า การให้ข้อมูลของผู้กระท าผิดหรือจ าเลยต้องผ่านขั้นตอนการ
                 ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานจากพนักงานสอบสวนและพนักงานอยการ อนเป็นการกลั่นกรอง
                                                                                   ั
                                                                                          ั
                 ในชั้นแรก และเมื่อปรากฏในส านวนถึงการขอรับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ศาลควรท าการไต่สวนเพอให้
                                                                                                        ื่
                                                                                         ั
                                      ิ
                 ได้ข้อความจริงแล้วจึงพจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ อย่างไร และเพยงใด อนเป็นการกลั่นกรอง
                                                                                  ี

                       33  ระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าด้วยแนวทางการประสานงานคดียาเสพติด พ.ศ.
                 ๒๕๕๓ ส่วนที่ ๘ การด าเนินการตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๒๓ ถึงข้อ ๒๖ (มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
                 ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๓).
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54