Page 45 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 45
32
ี
ข้อมูลนั้นต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หากปรากฏเพยง
ั
ลักษณะอนใดอนหนึ่ง เช่น เป็นข้อมูลส าคัญแต่ไม่เป็นประโยชน์ ข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์แต่ไม่ใช่ข้อมูลส าคัญ
ั
ี่
้
หรือเป็นข้อมูลส าคัญและเป็นประโยชน์แต่เป็นประโยชน์ธรรมดาทั่วไป ศาลจะถือว่าไม่เขาหลักเกณฑ์ทจะได้รับ
16
ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ตามแนวค าพพากษาศาลฎีกาได้พจารณาการเป็นข้อมูลที่ส าคัญและเป็น
ิ
ิ
ประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่จะได้รับประโยชน์ตามมาตรา
๑๐๐/๒ ไว้ดังนี้
- ต้องเป็นการให้ข้อมูลที่น าไปสู่การขยายผลโดยตรงในการจับกุมผู้กระท าความผิดรายอน มิใช่
ื่
ื่
ิ่
ผู้ร่วมกระท าผิดในคดีเดียวกัน หรือยึดยาเสพติดให้โทษจ านวนอนเพมได้ มิใช่ของกลางในคดีของผู้กระท า
ความผิดนั้น และเจ้าพนักงานไม่สามารถค้นพบหรือยึดได้หากไม่ได้รับข้อมูลจากผู้กระท าผิดหรือจ าเลย
17
- นอกจากให้ข้อมูลส าคัญแล้ว ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยได้ช่วยเจ้าพนักงานต ารวจล่อซื้อ หรือให้
ี
ื่
18
ข้อมูล หรือพาไปยึดยาเสพติด และจับกุมผู้กระท าผิดรายอนได้พร้อมยาเสพติดอกจ านวนหนึ่ง รวมถึงการ
แจ้งที่อยู่และน าพาเจ้าพนักงานไปจับกุมด้วย
19
- ต้องเป็นข้อมูลที่เจ้าพนักงานไม่เคยรู้หรือสืบทราบมาก่อน การสืบสวนขยายผลจับกุมนั้นต้อง
อาศัยข้อมูลที่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยให้เป็นส าคัญ หากเจ้าพนักงานไปจับกุมตามหน้าที่ปกติโดยไม่ได้เกี่ยวกับ
20
การให้ข้อมูลของผู้กระท าความผิดแล้ว ย่อมไม่ได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒
- ต้องมีลักษณะเป็นการนอกเหนือจากวิสัยที่เจ้าพนักงานจะสามารถค้นพบได้จากการปฏิบัติ
21
หน้าที่ตามปกติ หากเป็นการให้ข้อมูลของตนเอง เช่น ห้องพักของตนเอง ยาเสพติดของตนเองพรรคพวกของ
22
ตนเอง จะไม่ถือว่าเป็นข้อมูลส าคัญ เนื่องจากอยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานจะตรวจค้นได้อยู่แล้ว
- การให้ข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอนต้องไม่ใช่การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ร่วมกระท าผิดด้วยกัน
ื่
23
เนื่องจากถือเป็นการให้รายละเอียดเกี่ยวกับการกระท าความผิดของตนเองและพวกเท่านั้น
- ข้อมูลที่ให้ต้องมีรายละเอยดของบุคคล วันเวลา สถานที่จับกุม ยาเสพติด หรือพยานหลักฐานใน
ี
้
การจับกุมที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่ขอมูล และผู้กระท าผิดรายอื่นให้ตรวจสอบได้
24
ื่
- ต้องให้ข้อมูลที่น าพาให้เจ้าพนักงานไปจับกุมผู้กระท าความผิดอนและได้จ านวนยาเสพติดที่
26
25
มากกว่าคดีของตนเอง และต้องไม่ใช่ยาเสพติดที่ตนเองเป็นผู้จ าหน่ายไป
16 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๐๐/๒๕๕๘.
17 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๙๘๗/๒๕๕๑, ค าพิพากษาฎีกาที่ ๖๖๓๗/๒๕๕๓.
18 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๐๔/๒๕๕๑.
19 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๖๔๑๓/๒๕๖๑.
20 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๔๑๔๓/๒๕๕๔ (ประชุมใหญ่), ค าพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๒๙/๒๕๖๑.
21 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๖๒๘๗/๒๕๕๓.
22 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๔๘๗๐/๒๕๕๗.
23 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๕๔๑๕/๒๕๕๘.
24 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๖๗๓/๒๕๕๕.
25 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๔๙๗๗/๒๕๖๐.
26 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๒๔๓/๒๕๕๕.