Page 46 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 46
33
- ต้องให้ข้อมูลในการกระท าความผิดข้อหาที่มีโทษเท่ากันหรือหนักกว่าในคดีของตนเอง หากให้
27
้
ื
ข้อมูลในข้อหาที่มีโทษเบากว่าจะถอว่าไม่เป็นการให้ขอมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
- ในการปราบปรามยาเสพติดให้โทษของเจ้าพนักงานต้องเป็นผลโดยตรงจากการให้ข้อมูลหรือ
เบาะแสที่ส าคัญของผู้กระท าความผิดหรือจ าเลย หากเจ้าพนักงานไม่ได้ใช้ข้อมูลนั้น ย่อมไม่ถือเป็นการให้ข้อมูล
28
ที่ส าคัญ
- ต้องให้ข้อมูลต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจที่เป็นผู้จับกุมและด าเนินคดีกับผู้กระท า
ความผิดหรือจ าเลย หรือให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนในคดีที่ผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยถูกด าเนินคดีด้วย
หากเจ้าพนักงานผู้ที่ได้รับข้อมูลนั้นไม่เกี่ยวข้องในคดีของผู้กระท าผิดหรือจ าเลย ก็จะมีน้ าหนักให้เชื่อถือได้น้อย
และจะถือว่าไม่เป็นการให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
29
- ต้องให้ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับคดีเดิมของตนเอง หากเป็นข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอนแต่ไม่
ื่
ื่
เกี่ยวข้องกับคดีเดิมของตน จะไม่ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ท าให้มีการขยายผลไปถึงผู้กระท าผิดรายอนที่เป็น
มูลเหตุในคดีที่ตนเองถูกจับ แต่จะถือเป็นการให้ข้อมูลในฐานะพลเมืองดี
30
ี
จากแนวค าพพากษาฎีกาข้างต้นเป็นเพยงส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ามุ่งเน้นไปที่ผลส าเร็จของการ
ิ
ิ่
ั
ขยายผลจับกุมผู้กระท าความผิดรายอนหรือยึดยาเสพติดจ านวนอนเพมเติมได้เป็นส าคัญ อนเป็นรูปธรรมของ
ื่
ื่
การเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามยาเสพติด จึงจะให้ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ แต่อย่างไรก็ตาม
ยังคงพบปัญหาจากการบังคับใช้มาตรา ๑๐๐/๒ เนื่องจากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๑๐๐/๒ ไม่ได้ก าหนดค านิยามหรือความหมายของค าว่า “ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง”
ไว้ว่าเป็นอย่างไร อนจะเป็นการวางหลักเกณฑ์ไว้เป็นกรอบหรือแนวปฏิบัติให้แน่ชัด แม้เป็นการให้ศาลใช้
ั
ิ
ิ
ดุลพนิจพจารณาข้อมูลอย่างกว้างขวางตามข้อเท็จจริงในแต่ละคดีก็ตาม แต่ก็เกิดปัญหาการตีความที่ไม่เป็นไป
ในแนวทางเดียวกัน เปลี่ยนแปลงไปมา ทั้งที่มีข้อเท็จจริงใกล้เคียงกัน ท าให้การใช้ดุลพนิจของผู้พพากษา
ิ
ิ
โดยเฉพาะผู้พิพากษาที่มีประสบการณ์พิจารณาคดีไม่มากนักเกิดความไม่แน่นอนในการปรับใช้แนวค าพพากษา
ิ
ฎีกาให้เข้ากับพฤติการณ์แห่งคดี ส่งผลให้ใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษคลาดเคลื่อนไปหรือลักลั่นกัน รวมถึง
ิ
ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าข้อมูลที่ตนเองให้แก่เจ้าพนักงานเป็นข้อมูลส าคัญและเป็นประโยชน์
อย่างยิ่งหรือไม่ และศาลจะพจารณาให้ได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ หรือไม่ เมื่อเจ้าพนักงานแจ้งและ
ิ
ื่
อธิบายถึงมาตรา ๑๐๐/๒ แก่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยเพอให้ได้ข้อมูลส่วนนี้ ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยอาจไม่ให้
ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติด ส่งผลให้การขยายผลไปปราบปรามยาเสพติดไม่อาจ
กระท าได้
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ ต้องมีการตรวจยึดยาเสพติดได้จ านวนมากกว่าคดีของตนเองถึงจะ
ิ
ได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ตามค าพพากษาฎีกาที่ ๔๙๗๗/๒๕๖๐ “จ าเลยที่ ๒ ให้ข้อมูลต่อเจ้า
พนักงานต ารวจชุดจับกุมจนได้มีการสืบสวนขยายผลจนไปพบ ซ. ที่น าเมทแอมเฟตามีนมาส่งแม้จับกุมตัว ซ.
ผู้น าเมทแอมเฟตามีนมาส่งไม่ได้ แต่ก็น าไปสู่การยึดเมทแอมเฟตามีนได้ถึง ๕,๘๐๐ เม็ดเศษ มากกว่าของกลาง
27 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๔๔/๒๕๕๔.
28 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๘๖/๒๕๕๔.
29 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๒๔/๒๕๖๐, ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๔๖/๒๕๖๒.
30 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๙๒/๒๕๖๑.