Page 42 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 42
29
ั
แก่เจ้าพนักงานแต่ก็จะไม่ได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ก็เลือกที่จะไม่ให้ข้อมูล อนเป็นการปิดช่องทางการ
ได้รับข้อมูลของเจ้าพนักงานไปโดยปริยาย
ิ่
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้รับการบอกเล่าเพมเติมว่า แม้ผู้กระท าผิดให้ข้อมูลตั้งแต่ในชั้นถูกจับกุม
แล้วก็ตาม แต่เจ้าพนักงานต้องใช้เวลาในการติดตามเพอขยายผลไปจับกุมผู้กระท าผิดรายอน ในหลายกรณีที่มี
ื่
ื่
การขยายผลไปจนจับกุมผู้กระท ารายอนได้ในเวลาไม่กี่วันและท าให้สามารถยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ ต่อ
ื่
ศาลชั้นต้นได้ พบว่าเป็นการจับกุมผู้เสพ ผู้ครอบครองเพอจ าหน่าย หรือผู้จ าหน่ายซึ่งเป็นเพยงผู้ค้ารายย่อยเสีย
ี
ื่
มากกว่า แม้เข้าหลักเกณฑ์ให้ผู้กระท าผิดที่ให้ข้อมูลได้รับประโยชน์เป็นการได้รับโทษน้อยลง แต่ในมิติของการ
ปราบปรามยาเสพติดกลับถือว่าไม่สัมฤทธิ์ผล เพราะข้อมูลดังกล่าวไม่อาจขยายผลไปถึงนายทุนหรือตัวการใหญ่
ซึ่งเป็นตัวหลักส าคัญของเครือข่ายยาเสพติดได้อย่างแท้จริง การจับกุมผู้ค้ารายย่อยจึงไม่ส่งผลกระทบต่อ
นายทุนหรือตัวการใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลและอ านาจเงินที่สามารถเปลี่ยนตัวผู้ค้ารายย่อยรายใหม่ได้เสมอ ท าให้วงจร
ค้ายาเสพติดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง การที่จะน าข้อมูลมาขยายผลจ าต้องใช้วิธีสืบสวนสอบสวนพิเศษ ทั้งการอ าพรางตัว
10
12
ั
การครอบครองภายใต้การควบคุม การดักฟงภายใต้กฎหมาย การเข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสาร การเข้าถึง
11
ข้อมูลการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ และการเข้าถงข้อมูลทางการเงิน โดยต้องมีการประสานความร่วมมือ
ึ
กับหน่วยงานอน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน และต้องมีขั้นตอนในการปฏิบัติหลายประการ เพอที่จะ
ื่
ื่
รวบรวมพยานหลักฐานให้เพยงพอมั่นคงต่อการจับกุมและด าเนินคดีกับนายทุนหรือตัวการใหญ่ได้ ซึ่งไม่
ี
สามารถด าเนินการได้ภายในเวลาที่จ ากัด ทั้งเมื่อมีการด าเนินคดีตั้งแต่ชั้นฝากขังมาจนถึงชั้นฟองคดี เมื่อผู้กระท าผิด
้
13
หรือจ าเลยให้การรับสารภาพ และหากเป็นคดีที่ไม่ต้องสืบพยานประกอบค ารับสารภาพ ศาลชั้นต้นย่อม
พิพากษาคดีไปได้ในทันที ย่อมส่งผลให้ผู้กระท าผิดไม่สามารถยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ ได้ภายในเวลาก่อน
ศาลชั้นต้นพพากษา หรือหากผู้กระท าผิดได้ยื่นค าร้องไว้ต่อศาลชั้นต้นแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างเจ้าพนักงาน
ิ
สืบสวนขยายผล ย่อมไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้ศาลเห็นได้ว่า เจ้าพนักงานใช้ข้อมูลดังกล่าวสืบสวนขยาย
ื่
ผลไปจนจับกุมผู้กระท าผิดรายอนได้พร้อมยาเสพติดจ านวนอน ศาลก็จะฟงว่าข้อมูลนั้นไม่มีน้ าหนักให้เชื่อได้ว่า
ื่
ั
ผู้กระท าผิดรายอนมีตัวตนอยู่จริง ซึ่งท าให้ผู้กระท าผิดที่ให้ข้อมูลไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากมาตรา ๑๐๐/๒
ื่
ดังที่ปรากฏในค าพพากษาฎีกาที่ ๗๗๒๖/๒๕๔๗ “จ าเลยให้การในชั้นสอบสวนว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดให้โทษ
ิ
ของกลางจาก จ. จากประเทศสหภาพพม่าเพื่อน าไปส่งที่จังหวัดจันทบุรี และจ าเลยให้หมายเลขโทรศัพท์ของ จ.
กับน าพนักงานสอบสวนไปชี้บ้านของ จ. ที่อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยจ าเลยได้บอกต าหนิรูปพรรณ
ของ จ. แก่พนักงานสอบสวนด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏว่า จ. ที่จ าเลยอางนั้นจะมีตัวตนจริงหรือไม่ และเจ้า
้
พนักงานต ารวจได้มีการขยายผลจับกุม จ. ได้หรือไม่อย่างใด อนจะเป็นการสนับสนุนข้ออางของจ าเลยให้เป็น
้
ั
ความจริง ข้อเท็จจริงจึงรับฟงไม่ได้ว่าค าให้การของจ าเลยดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์
ั
10 กฎกระทรวงว่าด้วยการปฏิบัติการอ าพรางเพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕.
11 กฎกระทรวงว่าด้วยการครอบครองและให้มีการครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุมเพื่อการสืบสวนความผิด
ตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕.
12 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๑๙ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา
๑๔ จัตวา.
13 พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๓.