Page 40 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 40
27
ื่
จะให้ข้อมูลต้องให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับตัวผู้กระท าผิดเองและส่วนที่เกี่ยวกับผู้กระท าผิดรายอน รวมถึง
ื่
จะต้องให้ข้อมูลโดยเปิดเผยแก่เจ้าพนักงานเพอบันทึกไว้เป็นหลักฐานและน ามาใช้ยื่นต่อศาล จึงเห็นได้ว่า
ระยะเวลาแรกที่ผู้ให้ข้อมูลได้ให้ข้อมูลแล้วจะมีน้ าหนักเชื่อถือได้มาก ย่อมเป็นการให้ข้อมูลตั้งแต่แรกที่ตกเป็น
6
ผู้กระท าความผิด คือ เวลาแรกที่ถูกจับกุมหรืออย่างช้าในชั้นสอบสวน โดยให้มีรายละเอยดและพฤติการณ์
ี
แห่งคดีปรากฏอยู่ในบันทึกการจับกุมหรือบันทึกค าให้การของผู้ต้องหา ซึ่งถือว่าเป็นการให้ข้อมูลในเวลากระชั้นชิด
แม้ภายหลังไม่ปรากฏว่ามีการยื่นขอรับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ก็ตาม แต่หากมีข้อเท็จจริงดังกล่าว
7
ิ
เข้าสู่ส านวนพจารณาของศาล ศาลก็สามารถหยิบยกน ามาพจารณาให้ได้ ส่วนการให้ข้อมูลภายหลังจากเวลา
ิ
ดังกล่าวย่อมสามารถกระท าได้เช่นกัน แต่อาจส่งผลต่อน้ าหนักความน่าเชื่อถือของข้อมูลนั้น
เมื่อผู้กระท าผิดให้ข้อมูลแก่เจ้าพนักงานตามเวลาข้างต้นแล้วยังต้องมีการยื่นค าร้องต่อศาลเพอ
ื่
แสดงข้อมูลให้ศาลทราบและพิจารณาด้วย แม้มาตรา ๑๐๐/๒ ไม่ได้ระบุชัดว่าต้องยื่นค าร้องต่อศาลภายในเวลา
เท่าใด แต่ตามแนวค าพพากษาของศาลฎีกากลับพบว่า มีการก าหนดกรอบเวลาให้ต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นและ
ิ
ก่อนศาลชั้นต้นมีค าพพากษาเท่านั้น โดยข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในเรื่องนี้อาจปรากฏอยู่ในค าฟองหรือ
้
ิ
ั
ค าขอท้ายฟองของพนักงานอยการโจทก์ หรือในค าให้การหรือค าร้องของจ าเลยก็ได้แต่ทั้งนี้ต้องมีการสืบพยาน
้
ในเรื่องดังกล่าวไว้ด้วย หากมีการยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีค าพพากษาแล้ว
ิ
หรือยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ ไว้ต่อศาลชั้นต้นแต่ไม่มีการสืบพยานให้ปรากฏ ก็จะไม่สามารถยกขึ้นอาง
้
ในชั้นอทธรณ์หรือฎีกาได้เพราะถือเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ซึ่งปัจจุบันมีค าพพากษา
ิ
ุ
ของศาลฎีกาเดินตามแนวดังกล่าว คือ
ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๓/๒๕๖๒ “แม้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒
ให้อ านาจศาลลงโทษผู้กระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ได้ให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการ
ปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ที่ศาลมีอ านาจยกขึ้นวินิจฉัยแม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น แต่ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่ามีการ
น าสืบกันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประเด็นแห่งคดี จ าเลยมิได้ยื่นค าร้องหรือแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จ าเลยได้ให้
ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ข้อเท็จจริงที่
ุ
้
จ าเลยยกขึ้นอางในชั้นอทธรณ์ว่า จ าเลยได้ให้ข้อมูลส าคัญในคดีต่อเจ้าพนักงานต ารวจ จนสามารถขยายผล
จับกุมผู้กระท าความผิดพร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน ๒,๐๐๐ เม็ด แต่เมื่อจ าเลยไม่สืบพยานให้ปรากฏข้อเท็จจริง
้
ุ
ดังกล่าว ท าให้ข้อเท็จจริงที่จ าเลยยกขึ้นอางในชั้นอทธรณ์ไม่เคยเป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความน าสืบกันไว้ แม้ข้อเท็จจริง
ดังกล่าวจะปรากฏตามส าเนาบันทึกจับกุมเอกสารท้ายค าร้องขอฝากขัง ครั้งที่ ๑ ก็ตาม เมื่อโจทก์และจ าเลย
ไม่เคยน าสืบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ในศาลชั้นต้น แต่เป็นข้อที่จ าเลยเพงยกขึ้นอางในชั้นอทธรณ์ ถือไม่ได้ว่า
้
ุ
ิ่
ุ
ข้อเท็จจริงนี้ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอทธรณ์ตามประมวลกฎหมาย
ิ
วิธีพจารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
ิ
่
และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓”
6 การให้ข้อมูลก่อนที่จะถูกจับด าเนินคดีถือว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์มาตรา ๑๐๐/๒ ตามนัยค าพิพากษาฎีกาที่ ๘๓๙๙/
๒๕๕๙.
7 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๕๓/๒๕๖๒.