Page 41 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 41

28


                                ิ
                            ค าพพากษาฎีกาที่ ๔๒๖๗/๒๕๖๑ “การให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการ
                 ปราบปรามการกระท าผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา
                 ๑๐๐/๒ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยซึ่งศาลมีอานาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้ไม่มีคู่ความ

                 ฝ่ายใดยกขึ้นอทธรณ์หรือฎีกาก็ตาม แต่ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามผู้กระท า
                             ุ
                 ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษนั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่มีการน าสืบกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น

                                                                                           ั
                                                                                     ี
                                                                                  ั
                 ทั้งศาลจะหยิบยกเอาข้อเท็จจริงในบันทึกการจับกุมตามค าร้องฝากขังมารับฟงเพยงล าพงว่ามีการให้ข้อมูลที่
                 ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษโดยไม่มีการ
                          ื่
                 สืบพยานอนประกอบหาได้ไม่ เมื่อจ าเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพโดยไม่มีการสืบพยานให้ปรากฏข้อเท็จจริง

                 ดังกล่าว ต่อมาจ าเลยที่ ๑ อทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีค าสั่งให้ไต่สวนเหตุลดโทษตามมาตรา ๑๐๐/๒ โดยไม่มีอานาจ
                                        ุ
                 ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไต่สวนดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและ
                                                     ้
                                                              ุ
                 เป็นข้อเท็จจริงที่จ าเลยที่ ๑ เพงจะยกขึ้นอางในชั้นอทธรณ์ ที่ศาลอทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวของ
                                           ิ่
                                                                          ุ
                                                 ิ
                 จ าเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมาย
                                                              ่
                 วิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ และพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓
                     ิ
                                                                     ิ
                 นั้นชอบแล้ว”
                                                                              ิ
                                       ิ
                            จากแนวค าพพากษาฎีกาข้างต้นเห็นชัดเจนว่า ศาลใช้ดุลพนิจตามมาตรา ๑๐๐/๒ ที่เข้มงวด
                 กว่าเดิม กล่าวคือ ผู้กระท าผิดที่ถูกฟองเป็นจ าเลยที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรา ๑๐๐/๒ จ าต้องยื่นค าร้อง
                                                ้
                 และสืบพยานในส่วนนี้ให้ปรากฏก่อนศาลชั้นต้นมีค าพพากษา ซึ่งแม้เป็นการวางแนวเรื่องกรอบเวลาไว้ชัดเจน
                                                             ิ
                                   ิ
                 ก็ตาม แต่กลับมีข้อพจารณาว่าเป็นการจ ากัดสิทธิของผู้กระท าผิดหรือจ าเลยมากเกินไปหรือไม่ เพราะโดย
                  ื้
                                                                    ิ
                 พนฐานแล้วผู้กระท าผิดหรือจ าเลยย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการพจารณาคดีด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็น
                 ธรรม  ประกอบกับในสภาพความเป็นจริง จากข้อมูลที่ผู้เขียนได้รับจากเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการ
                      8
                 ปราบปรามยาเสพติด  พบว่าในหลายครั้งที่มีการจับกุมผู้กระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เบื้องต้นผู้กระท า
                                   9
                                                                     ื่
                 ความผิดมักให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาก่อนและต้องการสู้คดีเพอให้ศาลพพากษายกฟอง โดยไม่สนใจที่จะให้
                                                                             ิ
                                                                                        ้
                                                                          ึ
                                        ื่
                 ข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอนเนื่องด้วยไม่เข้าใจถึงประโยชน์ที่อาจพงได้รับตามมาตรา ๑๐๐/๒ แต่ภายหลัง
                 เปลี่ยนใจและต้องการให้ข้อมูลในส่วนนี้ หรือในหลายครั้งที่ผู้กระท าผิดให้การรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของหรือ
                 ผู้ครอบครองยาเสพติดที่ถูกจับและยึดไว้เป็นของกลางเนื่องจากจ านนต่อพยานหลักฐาน แต่กลับปฏิเสธที่จะให้
                                        ื่
                 ข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอน ด้วยเพราะได้รับค ามั่นสัญญาจากนายทุนหรือตัวการใหญ่ว่าจะดูแลครอบครัว
                 หรือมีค่าตอบแทนให้เป็นรายเดือนตลอดเวลาที่รับโทษหรือเพราะถูกข่มขู่ท าให้หวาดกลัวจากนายทุนหรือ
                 ตัวการใหญ่ว่าจะท าร้ายหรือคุกคามคนในครอบครัวท าให้ผู้กระท าผิดยอมปกปิดข้อมูลของเครือข่ายยาเสพติด
                 ที่ตนเกี่ยวข้องและไม่ให้การซัดทอดไปถึงบุคคลเหล่านั้นเพอตัดตอนมิให้เจ้าพนักงานติดตามขยายผลไปได้
                                                                   ื่
                 ช่วงแรกอาจมีการท าตามค ามั่นสัญญาแต่ภายหลังนายทุนหรือตัวการใหญ่กลับผิดสัญญาและละเลยไม่ดูแล
                 ครอบครัวตามที่ตกลงกันไว้ ผู้กระท าผิดจึงเปลี่ยนใจอยากจะให้ข้อมูลในส่วนนี้ แต่ก็เป็นเวลาภายหลังจาก
                 ศาลชั้นต้นมีค าพพากษาไปแล้ว ซึ่งท าให้ผู้กระท าผิดที่คิดอยากจะให้ข้อมูลในภายหลัง เมื่อทราบว่าถึงให้ข้อมูล
                               ิ

                       8  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘(๑).
                       9  พันต ารวจโท อัครพล  โทยะ รองผู้ก ากับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองก ากับการสายตรวจ กองบังคับการสาย
                 ตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการต ารวจนครบาล ส านักงานต ารวจแห่งชาติ.
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46