Page 44 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 44

31


                                                                                                     ึ
                 ยุ่งยากในการบังคับโทษ แต่การวางแนวไว้เช่นนี้ก็เป็นการจ ากัดสิทธิของผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่พงได้รับ
                 อย่างเป็นธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งในเรื่องมาตรา ๑๐๐/๒ นี้ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่รู้ข้อมูลส าคัญและประสงค์จะ
                 ให้ข้อมูลนั้นเพอประโยชน์ในการปราบปรามยาเสพติดไม่ควรถูกปิดโอกาสในการเสนอข้อเท็จจริงและ
                              ื่
                 พยานหลักฐานต่อศาลด้วยเหตุว่าไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ส่วนข้อมูลนั้นจะเข้า
                                                                                                        ั
                 หลักเกณฑ์หรือไม่ มีความถูกต้องแท้จริงเพยงใด และศาลจะให้ประโยชน์โดยการก าหนดโทษน้อยกว่าอตรา
                                                     ี
                 โทษขั้นต่ าของความผิดนั้นหรือไม่ มากน้อยอย่างไร ย่อมต้องพิจารณากันในรายละเอียดอกชั้นหนึ่ง
                                                                                         ี
                            เมื่อเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าผู้ที่รู้ข้อมูลการกระท าผิดได้ดีที่สุดก็คือตัวผู้กระท าผิดเอง และ
                 เมื่อค านึงถึงเจตนารมณ์ของมาตรา ๑๐๐/๒ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างหนึ่งที่รัฐใช้เพอยับยั้งการแพร่ระบาดของ
                                                                                     ื่
                 ยาเสพติด โดยให้ผู้กระท าผิดเป็นผู้ให้ข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอื่นแก่เจ้าพนักงาน และเจ้าพนักงานใช้ข้อมูลนั้น

                                                                                            ื่
                 ขยายผลไปถึงนายทุนหรือตัวการใหญ่ซึ่งเป็นตัวหลักส าคัญในเครือข่ายยาเสพติด เพอให้บรรลุในการ
                                           ้
                 ปราบปรามยาเสพติดได้อย่างแทจริง ผู้เขียนมีความเห็นว่าศาลซึ่งมีบทบาทในการใช้ดุลพนิจตามมาตรา ๑๐๐/๒
                                                                                         ิ
                 ควรจะค านึงถึงพฤติการณ์แห่งคดีที่เกิดขึ้น ระยะเวลาที่เจ้าพนักงานใช้ในการสืบสวนขยายผลไปจริง และปัจจัย
                 ต่าง ๆ ในการปราบปรามยาเสพติดประกอบด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแจ้งข้อมูลหรือน าเสนอพยานหลักฐาน

                 ได้โดยไม่ถูกจ ากัดระยะเวลาและชั้นศาล อันเป็นการจูงใจให้มีการแจ้งเบาะแสส าคัญของผู้กระท าความผิด
                 รายอนโดยอาศัยพฤติการณ์ที่ยอมเปิดเผยข้อมูลอนเป็นประโยชน์ต่อเจ้าพนักงานให้สามารถขยายผลการ
                      ื่
                                                            ั
                                                                               ั
                 ปราบปรามผู้กระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพอได้รับการบรรเทาโทษ อนเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรา
                                                          ื่
                 ๑๐๐/๒ ยิ่งกว่า และเมื่อผู้กระท าผิดหรือจ าเลยยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ ต่อศาลสูงแล้ว ศาลสูงสามารถใช้
                                                                                             ี
                 ดุลพนิจพจารณาว่าข้อมูลนั้นเข้าหลักเกณฑ์การให้ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ หรือไม่ เพยงใด หากเห็นว่า
                         ิ
                     ิ
                 เข้าหลักเกณฑ์ที่จะให้ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ได้ แต่ไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏในส านวนก็สามารถย้อนส านวนลงมาให้
                 ศาลชั้นต้นไต่สวนในเรื่องดังกล่าวแล้วส่งส านวนคืนมาให้ศาลสูงพจารณาและก าหนดโทษ ให้เหมาะสมกับ
                                                                         ิ
                 พฤติการณ์แห่งคดี ความส าคัญของข้อมูล และความได้สัดส่วนในเรื่องระยะเวลากับความสุจริตใจของผู้กระท า
                                            ั
                 ผิดหรือจ าเลยที่ให้ข้อมูลนั้นได้ อนจะเป็นการบังคับใช้มาตรา ๑๐๐/๒ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเจตนารมณ์ของ
                 กฎหมาย
                            (ข) การตีความของการเป็นข้อมูลส าคัญที่จะได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒

                            พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒ เป็นบทบัญญัติที่ให้อ านาจศาลเป็น
                                             ั
                        ิ
                 ผู้ใช้ดุลพนิจว่าจะลงโทษน้อยกว่าอตราโทษขั้นต่ าที่กฎหมายก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้นหรือไม่ก็ได้ ซึ่งไม่ได้
                                                                                                          14
                 เป็นบทบังคับศาลว่าจะต้องให้ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ แก่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่ให้ข้อมูลนั้นเสมอไป
                 มีบางกรณีที่ศาลไม่ให้ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ และบางกรณีศาลให้ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒
                                      ั
                 โดยมิได้ลงโทษน้อยกว่าอตราโทษขั้นต่ าที่กฎหมายก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้น แต่ลงโทษน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
                                                     15
                 ที่ลงโทษโดยทั่วไปส าหรับความผิดนั้นแทน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เสนอต่อศาลว่า
                 ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่ให้ข้อมูลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระท าผิดมากน้อยเพยงใดและข้อมูลนั้น
                                                                                            ี
                 เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปราบปรามยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งการที่ศาลจะพิจารณาว่าข้อมูลนั้นสมควรจะได้รับ

                 ประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ หรือไม่ ต้องประกอบไปด้วย ๒ ลักษณะ คือ (๑) ต้องเป็นข้อมูลที่ส าคัญ และ (๒)

                       14  ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๖๖/๒๕๕๕.
                       15  ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๖๙/๒๕๕๐.
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49