Page 48 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 48
35
ั
ไม่ว่าจะเป็นศาล พนักงานอยการ ผู้กระท าผิดหรือจ าเลย และเจ้าพนักงาน (ฝ่ายปกครองและต ารวจ) ทราบ
ิ
ตรงกันว่าลักษณะของข้อมูลแบบใดที่เข้าเกณฑ์และแบบใดไม่เข้าเกณฑ์ที่ศาลจะใช้ดุลพนิจก าหนดโทษให้
น้อยลงตามมาตรา ๑๐๐/๒ โดยประการแรก ควรมีการบัญญัติค านิยามหรือความหมายของค าว่า “ข้อมูลที่
ื่
ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง” ไว้ให้ชัดเจนเพอเป็นกรอบในการตีความของศาลให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ซึ่งส่วนนี้มี ปัณณวิช ประจวบลาภ เขียนวิทยานิพนธ์โดยเสนอแนะความหมายไว้อย่างน่าสนใจว่า “ข้อมูลที่
ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษนั้น หมายถึง
ข้อมูลที่เกี่ยวกับการกระท าความผิดของตนเองหรือผู้อน ซึ่งผู้กระท าความผิดได้ให้ไว้โดยสมัครใจต่อเจ้าหน้าที่
ื่
ื่
จนสามารถขยายผลจับกุมผู้กระท าความผิดรายอนได้ หรือยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระท าความผิด
เพมได้ ทั้งนี้ ต้องค านึงถึงหลักเกณฑ์ในเรื่องของการชั่งน้ าหนักระหว่างความหนักเบาของการกระท าความผิด
ิ่
ของผู้กระท าความผิดกับความส าคัญของข้อมูลที่ถกเปิดเผย” ประการที่สอง ควรมีการวางหลักเกณฑ์ถึงการ
31
ู
ให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งว่าข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แบบใดที่ศาลจะใช้ดุลพินิจก าหนดโทษ
ให้น้อยลงได้ อย่างเช่น ต้องเป็นข้อมูลที่เจ้าพนักงานไม่เคยรู้มาก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน, ข้อมูลที่
เปิดเผยออกมานั้นต้องมีรายละเอยดเพยงพอที่จะขยายผลไปสู่การปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับ
ี
ี
ยาเสพติด, ข้อมูลที่ให้ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง เช่น ชื่อ ภูมิล าเนาที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และรูปพรรณ
สัณฐานของผู้กระท าผิดรายอื่น แหล่งที่ซ่อนยาเสพติด พฤติการณ์การติดต่อซื้อขายและราคา เป็นต้น มิใช่เพียง
ิ
ข้อสันนิษฐาน, ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยต้องได้มาจากความสมัครใจและต้องพสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง, ข้อมูลที่ให้
เป็นได้ทั้งข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอนและข้อมูลของตนเอง แต่ต้องน าไปสู่การจับกุมผู้กระท าความผิดรายอื่น
ื่
หรือตรวจยึดยาเสพติดจ านวนอน หรือยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ื่
ื่
อย่างใดอย่างหนึ่ง กรณีเป็นข้อมูลของผู้กระท าผิดรายอนต้องเป็นรายที่ใหญ่กว่า (ปลาเล็กจับปลาใหญ่) และ
กรณีเป็นข้อมูลของตนเองต้องไม่อยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานตรวจค้นได้โดยง่ายจากการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
เป็นต้น และประการที่สาม ควรมีการวางหลักเกณฑ์ถึงการใช้ดุลพนิจของศาลในการก าหนดโทษที่น้อยกว่า
ิ
อตราโทษขั้นต่ าที่กฎหมายก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้นว่าต้องค านึงถึงปัจจัยใดบ้าง เช่น ข้อเท็จจริงในคดี
ั
ความมีส่วนร่วมและความร้ายแรงในการกระท าผิดของจ าเลย ความส าคัญของข้อมูลที่เปิดเผย ผลส าเร็จของ
การน าข้อมูลไปขยายผล ความส านึกผิดในการกระท า และความสุจริตใจในการให้ข้อมูล เป็นต้น ทั้งนี้ ถ้าท่าน
ประธานศาลฎีกาได้ออกค าแนะน า เกี่ยวกับวิธีการยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ และหลักเกณฑ์การ
32
พจารณาโดยละเอยดไว้ ย่อมเป็นแนวทางให้ผู้พพากษาใช้ดุลพนิจได้อย่างไม่ขัดแย้งกันในคดีที่มีพฤติการณ์
ิ
ี
ิ
ิ
แห่งคดีใกล้เคียงกันและก าหนดโทษได้อย่างเหมาะสมตามแต่ขอเท็จจริงที่อาจแตกต่างกันในแต่ละคดี ซึ่งจะเกิด
้
ความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยิ่งกว่า
(ค) การกระท าโดยมชอบเพื่อสร้างพยานหลักฐานเท็จต่อศาลให้ได้รับประโยชน์จากมาตรา
ิ
๑๐๐/๒
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒ เป็นบทบัญญัติที่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ
ก าหนดโทษน้อยกว่าอตราโทษขั้นต่ าที่กฎหมายก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้นให้แกผู้กระท าความผิดหรือจ าเลย
ั
่
ี
ี
ิ
ุ
31 ปัณณวิช ประจวบลาภ, ดลพนจของศาลในการลดโทษ : ศึกษากรณจ าเลยให้ข้อมูลส าคัญในคดยาเสพตด,
ิ
ิ
4
หลักสูตรนิติศาสตร์มหาบัณฑิต, สาขานิติศาสตร์, คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, (2556), หน้า ๑ 9 .
32 พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๕.