Page 52 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 52
39
เป็นระดับรองสารวัตรไปจนถึงสารวัตรเท่านั้น ย่อมท าให้ผู้ก ากับการสถานีต ารวจหรือผู้บังคับการ (แล้วแต่กรณี)
39
ไม่ทราบเรื่อง การด าเนินการนี้เพอให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานทราบว่าคดียาเสพติดเรื่องใดมีการให้
ื่
ี
ข้อมูลตามมาตรา ๑๐๐/๒ มีการขยายผลได้หรือไม่ เพยงใด และมีการยื่นขอรับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒
ต่อศาลหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะถือว่าได้ผ่านการพจารณาทั้งชั้นต ารวจโดยให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงาน
ิ
ิ
ตรวจสอบและรับรองข้อมูล ชั้นพนักงานอยการโดยพจารณาความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยการบรรยายเหตุ
ั
้
ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ในค าฟองหรือปฏิเสธข้อมูลนั้น และชั้นศาลโดยการไต่สวนพยานหลักฐานเพอให้ได้
ื่
ข้อความจริงที่ถูกต้อง นอกจากนี้ การเสนอให้ผู้ก ากับการสถานีต ารวจหรือผู้บังคับการ (แล้วแต่กรณี)
ตรวจสอบข้อมูล ท าหนังสือรับรองการให้ข้อมูล และท าหนังสืออนุญาตให้มาเบิกความข้างต้นควรน ามาใช้ใน
กรณีที่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยให้ข้อมูลตั้งแต่ชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนแต่มีการขยายผลจับกุมผู้กระท าผิดราย
ื่
อนได้ภายหลังจากมีการสรุปและส่งส านวนให้พนักงานอยการฟองคดีแล้ว และกรณีผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่
้
ั
กลับใจให้ข้อมูลในภายหลังด้วย เพราะถึงแม้จะไม่ผ่านการพจารณากลั่นกรองจากพนักงานอยการ แต่ถือว่าได้
ิ
ั
ผ่านการรับรู้ ตรวจสอบ และรับรองจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานของเจ้าพนักงานนั้นมาก่อนที่จะเข้าสู่
ั
กระบวนการไต่สวนของศาล อนเป็นการรับรองความถูกต้องแท้จริงของข้อมูลมาในระดับหนึ่ง มิใช่ลักลอบ
ซื้อขายใบ ๑๐๐/๒ และเจ้าพนักงานระดับผู้ปฏิบัติการมาเบิกความต่อศาลกันเองโดยที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ
หน่วยงานไมทราบเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การเพิ่มขั้นตอนดังกล่าวถือเป็นการป้องกันการร่วมมือกระท า
่
โดยมิชอบระหว่างผู้กระท าผิดหรือจ าเลย ทนายความ และเจ้าพนักงานรัฐในการสร้างพยานหลักฐานเท็จในกรณี
นี้ได้อย่างมาก เพราะหากจะทุจริตต้องให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานนั้นร่วมมือด้วยซึ่งกระท าได้ยากและ
สุ่มเสี่ยงต่อต าแหน่งหน้าที่การงาน ดังนั้นหากส านวนคดีมาตรา ๑๐๐/๒ เรื่องใดไม่ผ่านการตรวจสอบและ
รับรองเช่นว่านี้ ย่อมแสดงถึงความไม่สุจริตของผู้กระท าผิดหรือจ าเลยที่ยื่นค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ ต่อศาล
ท าให้ข้อเท็จจริงและการน าเสนอพยานหลักฐานไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งศาลสามารถใช้ดุลพนิจไม่รับฟง
ิ
ั
พยานหลักฐานนั้นได้
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
ปัจจุบันรูปแบบการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนเป็นลักษณะองค์กร
อาชญากรรมที่นายทุนหรือตัวการใหญ่จะอยู่เบื้องหลังโดยไม่เปิดเผยตัว และยังสั่งการ วางแผน รวมถึง
มอบหมายให้บุคคลอนไปด าเนินการในแต่ละส่วนงานแยกจากกัน ทั้งนี้เพอตัดตอนมิให้มีการขยายผลหรือสาว
ื่
ื่
มาถึงตนเองได้ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒ จึงเป็นมาตรการทางกฎหมายที่
จูงใจให้ผู้กระท าผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้ข้อมูลส าคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่เจ้าพนักงานในการสืบสวน
ขยายผลจนน าไปสู่การจับกุมผู้กระท าผิดรายอนที่เป็นนายทุนหรือตัวการซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ได้เพอจะได้รับ
ื่
ื่
ประโยชน์ด้วยการรับโทษน้อยลง ที่ผ่านมาผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยใช้ช่องทางตามมาตรา ๑๐๐/๒ นี้
ิ
ิ
จ านวนมากทั้งโดยสุจริตและไม่สุจริต ศาลยุติธรรมซึ่งเป็นผู้ใช้ดุลพนิจตามมาตราดังกล่าวจึงต้องพจารณา
ิ
ี
หลักเกณฑ์ของการได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ อย่างละเอยดรอบคอบเพอการพจารณาพพากษาและ
ิ
ื่
การก าหนดโทษอย่างเหมาะสมเป็นธรรม จากประสบการณ์ท างานของผู้เขียนพบว่า แม้ผู้กระท าผิดหรือจ าเลย
39 ระเบียบการต ารวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๕๗ บทที่ ๑๓ ข้อ ๒ (๒) ก และค าสั่งกรมต ารวจที่ ๑๒๑๒/๒๕๓๗
เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการต ารวจ.