Page 50 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 50
37
ความถูกต้องแท้จริงในชั้นสุดท้าย แต่อย่างไรก็ดี ระเบียบดังกล่าวมิใช่กฎหมายจึงไม่มีสภาพบังคับให้
34
ต้องปฏิบัติตาม ประกอบกับมาตรา ๑๐๐/๒ ไม่ได้ก าหนดวิธีการให้ข้อมูลของผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยต่อ
เจ้าพนักงานว่าต้องมีขั้นตอนและแบบปฏิบัติอย่างไร จึงเกิดเป็นช่องว่างให้ผู้กระท าความผิดหรือจ าเลย
ื่
ทนายความ และเจ้าพนักงานรัฐในกระบวนการยุติธรรมร่วมกันสร้างพยานหลักฐานเท็จเพอมาขอรับประโยชน์
ตามมาตรา ๑๐๐/๒ ได้ ยิ่งการที่เจ้าพนักงานแจ้งและอธิบายถึงประโยชน์ของมาตรา ๑๐๐/๒ ให้ผู้กระท าผิด
35
ื่
หรือจ าเลยทราบเพอสมัครใจให้ข้อมูลไม่ถือเป็นการจูงใจที่จะท าให้เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ
ี
ย่อมอาจเป็นอกช่องทางหนึ่งให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่สุจริตใช้แสวงหาประโยชน์จากมาตราดังกล่าวได้
จากข้อมูลข่าวพบว่ามีขบวนการซื้อขายใบ ๑๐๐/๒ จ านวนมากโดยอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้ได้รับการลงโทษ
ื่
36
ที่น้อยลงได้ ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยไม่มีข้อมูลของผู้กระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรายอน
ื่
แต่ทนายความเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์จากผู้กระท าผิดหรือจ าเลยเพอไปเสนอให้เจ้าพนักงานผู้จับหรือ
เจ้าพนักงานคนอื่นซึ่งรู้และมีข้อมูลของผู้กระท าผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรายอื่นด าเนินการเปิดเผยข้อมูลและจัดท า
เอกสาร โดยเฉพาะบันทึกการจับกุมแสดงว่าผู้กระท าผิดหรือจ าเลยเป็นผู้ให้ข้อมูลและบันทึกการจับกุมผู้กระท า
ผิดรายอนที่เป็นการขยายผลจากข้อมูลนั้น พร้อมมาเบิกความยืนยันในชั้นศาลเพอให้ผู้กระท าผิดหรือจ าเลย
ื่
ื่
ได้รับประโยชน์ตามมาตรา ๑๐๐/๒ หรือบางกรณีเจ้าพนักงานผู้จับเป็นผู้เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์จาก
ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยนั้นด้วยตัวเองเพอแลกกับข้อมูล การท าเอกสารยืนยัน และการมาเบิกความที่ศาล
ื่
ั
อนเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จโดยไม่มีการเสนอเอกสารต่อพนักงานสอบสวนและพนักงานอยการ
ั
ตามระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ เพื่อกลั่นกรองแต่อย่างใด
ั
จากประสบการณ์การท างานของผู้เขียนพบว่ามีส านวนคดีที่พนักงานอยการบรรยายเหตุ
ตามมาตรา ๑๐๐/๒ มาในค าฟองเพยงไม่กี่คดี ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายผู้กระท าผิดหรือจ าเลยยื่นค าร้องตามมาตรา
ี
้
๑๐๐/๒ เข้ามาในระหว่างการพจารณาคดีเลยมากกว่า ด้วยเจตนาที่จะไม่ให้ปรากฏเรื่องนี้ในส านวนการ
ิ
สอบสวนเพื่อหลีกเลี่ยงการกลั่นกรองในเบื้องต้นตามระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ
ิ
ิ
แต่จะใช้การยื่นค าร้องและแสดงหลักฐานต่อศาลไปทีเดียว หากศาลหรือผู้พพากษามีประสบการณ์พจารณาคดีน้อย
อาจรู้ไม่เท่าทันการทุจริตดังกล่าว ท าให้เชื่อพยานหลักฐานเท็จนั้นจนใช้ดุลพินิจผิดหลงและก าหนดโทษน้อยลง
ให้แก่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยได้ ย่อมส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของศาลและการอานวยความยุติธรรมในภาพรวม
ิ
แม้ที่ผ่านมาค าพพากษาของศาลฎีกาซึ่งใช้เป็นแนวทางการพจารณามาตรา ๑๐๐/๒ พยายามวางกฎเกณฑ์
ิ
เพอป้องกันการซื้อขายใบ ๑๐๐/๒ นี้ว่า ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยต้องให้ข้อมูลและรายละเอยดพฤติการณ์ต่าง ๆ
ื่
ี
ตั้งแต่ชั้นจับกุมหรืออย่างช้าในชั้นสอบสวนโดยมีเจ้าพนักงานผู้จับหรือพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยัน
ั
ต่อศาลถึงจะมีน้ าหนักให้รับฟงได้ หากในชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนให้ข้อมูลแตกต่างไปจากข้อมูลในค าร้อง
ู้
34 เจียมจิต สุวรรณน้อย, ปัญหาการให้ข้อมูลที่ส าคัญและเป็นประโยชนอย่างยิ่งในการปราบปรามผกระท า
์
ความผดเกี่ยวกับยาเสพตดให้โทษของผกระท าความผด, การประชมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ, มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ิ
ู้
ิ
ุ
ิ
ครั้งที่ ๑๓, หน้า ๓, [ออนไลน์]. วันที่ค้นข้อมูล ๔ กรกฎาคม ๒๕๖4. เข้าถึงได้จาก: http://spucon.spu.ac.th/filemanager/files/
กลุ่ม%202%20มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์%2001%281%29.pdf.
35 ค าพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๙๑/๒๕๕๕.
้
ื
36 พีพีทีวีออนไลน์, ป.ป.ส.เตอนอย่าหลงเชื่อวิ่งเตนซื้อใบ “100/2” ลดโทษคดค้ายาเสพตด [ออนไลน์], วันที่ค้น
ิ
ี
ข้อมูล ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔. เข้าถึงได้จาก: https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/91825.