Page 534 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 534

๕๒๒


               ในบริเวณที่ท าการจัดสรรเรียบเสมอกันและให้เท่ากับระดับถนนหน้าหมู่บ้านที่เชื่อมกับทางหลวงเท่ากับถนน

               ทางหลวง จนเกิดประเด็นข้อพพาทในการตีความถ้อยค าดังกล่าวว่า การปรับปรุงถนนภายในโครงการจัดสรร
                                         ิ
               ต้องเท่ากับถนนหน้าหมู่บ้านหรือเท่ากับถนนทางหลวง จนต้องมาตีความข้อความในสัญญาซื้อขายและการ

               ตีความควรเป็นไปตามทฤษฎีหลักกฎหมายแพงและพาณิชย์หรือพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภค
                                                                                         ิ
                                                        ่
               พ.ศ. ๒๕๕๑ หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒

               แนวคิดทฤษฎีที่น ามาวิเคราะห  ์


                        ๑. การตีความสัญญา


                            สัญญาเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการแสดงเจตนาของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปโดยฝ่าย

                               ี
               หนึ่งท าค าเสนอ อกฝ่ายหนึ่งท าเป็นค าสนอง เมื่อค าเสนอและค าสนองต้องตรงกันจึงเกิดเป็นสัญญาผูกพน
                                                                                                        ั
                                                       ้
               คู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตาม แต่ในการปฏิบัติตามขอผูกพันในสัญญานั้น หากข้อสัญญาชัดแจ้งอยู่แล้วก็ไม่มีความ
               จ าเป็นต้องตีความสัญญา แต่หากว่าข้อความในสัญญาบางข้อหรือทั้งหมดเคลือบคลุมไม่ชัดแจ้ง ความจ าเป็นใน

               การตีความสัญญาย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากไม่มีการตีความสัญญาแล้วการปฏิบัติตาม
               ข้อผูกพันในสัญญาย่อมไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญาที่ได้แสดงเจตนาไว้ในเบื้องต้น


                                                                                 ๑
                           ๑.๑ ทฤษฎีเกี่ยวกับการตีความสัญญา แบ่งออกเป็น ๒ ทฤษฎี คือ

                                                       ั
                              ๑) ทฤษฎีการตีความในทางอตวิสัย (Subjective Theory) หรือการตีความตามมาตรฐาน
               วิญญูชน เป็นการตีความที่มุ่งค้นหาความหมายของสัญญาจากผู้ท าสัญญา คือจากเจตนาที่มีร่วมกันของ

                                                                            ื่
                                                                      ั
               คู่สัญญา ซึ่งอาจรวมถึงการตีความตามหลักสุจริต และตามตัวอกษรเพอหาความหมายหรือเป้าหมายของ
                                 ั
               คู่สัญญาในความสัมพนธ์กับชนิดของสัญญาหรือสถานที่ที่สัญญาเกิด โดยอาจจะค านึงถึงความประพฤติหรือ
               การปฏิบัติของคู่สัญญาไม่ว่าในขณะที่ท าสัญญาหรือหลังจากการท าสัญญาแล้ว และพจารณาข้อความของ
                                                                                        ิ
               สัญญาทั้งฉบับมิใช่เพียงบางข้อ


                              ๒) ทฤษฎีการตีความทางภาวะวิสัย (Objective Theory) เป็นการตีความที่มุ่งหาความหมาย

               ของสัญญาจากสภาพหรือข้อเท็จจริงอย่างอนที่แน่นอนที่อยู่นอกเหนือตัวผู้ท าสัญญา เป็นการตีความตามปกติ
                                                   ื่
               ประเพณีหรือเพอความยุติธรรม และจะใช้การตีความตามทฤษฎีนี้ก็ต่อเมื่อมีการตีความตามทฤษฎีแรกยังไม่ให้
                            ื่







                       ๑  ศนันท์กรณ์ (จ าปี) โสตถิพันธุ์, ค าอธิบายนิติกรรม-สัญญา, ๒๕๕๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑๔, (กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน,

               ๒๕๕๒), หน้า ๓๔๒
   529   530   531   532   533   534   535   536   537   538   539