Page 536 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 536

๕๒๔


                                              > ปกติประเพณี หมายถึง ตามที่คู่สัญญาเชื่อถือและไว้วางใจซึ่งกันและกัน

               นอกจากนี้ยังต้องค านึงถึงวิธีที่คู่สัญญาเคยปฏิบัติต่อกันและกันมาด้วย แต่ปกติประเพณีที่จะน ามาพเคราะห์
                                                                                                   ิ
               ประกอบการตีความในสัญญา หมายถึง ประเพณีที่เป็นปกติต่อเนื่องกันและเป็นประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับข้อ

               สัญญานั้น เป็นประเพณีที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายรู้ดีเป็นประเพณีแน่นอนเป็นแบบอย่างเดียวกัน ชอบด้วยเหตุและ

               ผลอนสมควรและไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่ถ้าในสัญญามีข้อความระบุไว้แตกต่างกับปกติประเพณีโดยชัดแจ้งจะ
                   ั
               น าเอาปกติประเพณีมาใช้บังคับไม่ได้
                                              ๓
                                                                              ื่
                                                 > หลักที่ใช้ประกอบในการตีความสัญญา เพอค้นหาเจตนารมณ์ของคู่สัญญา
               มีดังนี้


                              - การหาเจตนารมณ์ของคู่สัญญาจะต้องพิจารณาสัญญานั้นทั้งฉบับ


                              - ถ้ามีสัญญาหลายฉบับ ต้องพิจารณาสัญญาทุกฉบับร่วมกัน


                              - การแสวงหาเจตนารมณ์ของคู่สัญญาในขณะท าสัญญาอาจหาได้จากการที่คู่สัญญาปฏิบัติต่อ
               กันและกันได้


                              - ต้องถือตามที่ปรากฏในลายลักษณ์อักษรนั้นเป็นส าคัญ


                                    - กรณีที่ข้อความในสัญญาเกิดขัดแย้งกันเองจนไม่อาจหาเจตนารมณ์ของคู่กรณีได้ ศาลอาจ

               รับฟังข้อเท็จจริงอื่นเพื่อประกอบการตีความเจตนารมณ์ของคู่สัญญาได้


                              - สัญญานั้นต้องตีความไปในทางที่มีผลบังคับได้ คือ การตีความให้เป็นผลดีกว่าที่จะตีความให้

               ไร้ผล ตรงกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐ ซึ่งเป็นหลักรองรับหลักความคิดธรรมดา กล่าวคือ
                                  ั
               เมื่อบุคคลท าเอกสารอนใดขึ้นมาและอาจตีความได้เป็นสองนัย เช่นนี้ เมื่อจะตีความเอกสารนั้นก็น่าจะตีความ
               ไปในทางที่ให้เป็นผลบังคับได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วการที่บุคคลนั้นท าเอกสารขึ้นก็จะไม่ได้ผลอย่างใด


                              - ในกรณีที่มีข้อสงสัยต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้

               นั้น   ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑ จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อกรณีเป็นที่สงสัยเท่านั้นจึงจะตีความ
                  ๔
               ให้เป็นคุณแก่คู่กรณีผู้ซึ่งจะต้องเป็นผู้เสียประโยชน์ คือ กฎหมายวางหลักให้ตีความไปในทางที่จะให้มีความ

               รับผิดชอบน้อย






                       ๓  เล่มเดิม, หน้า ๒๔๐-๒๔๑
                       ๔  "ผู้ซึ่งจะต้องเป็นผู้เสียในมูลหนี้" หมายถึง ลูกหนี้ หรือบุคคลที่จะต้องรับผิดในสัญญา ตลอดจนผู้ซึ่งจะต้องเสียหรือ
               ขาดประโยชน์ในสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง
   531   532   533   534   535   536   537   538   539   540   541