Page 596 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 596
584
แม้ก่อนหน้านี้จะได้มีการประสานขอความร่วมมือจากวิทยาลัยบางแห่งไม่ให้ไล่เด็กและเยาวชน
ออกจากการศึกษาเพราะเหตุกระท่าความผิดและถูกด่าเนินคดีต่อศาล และให้เข้ามาร่วมมือกับศาลในการ
ื้
จัดท่าแผนหรือมาตรการแก้ไขบ่าบัดฟนฟ ตลอดจนเป็นผู้บริหารแผน ก่ากับดูแล ติดตามสอดส่องเด็กและ
ู
เยาวชนให้ปฏิบัติตามแผนหรือมาตรการจนได้ผลส่าเร็จสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความประพฤติและ
พฤติกรรมของเด็กและเยาวชน ท่าให้เด็กและเยาวชนมีความประพฤติดี มีผลการเรียนที่ดีขึ้น บางรายได้ผล
เป็นเลิศเกินความคาดหมายมาบ้างแล้ว แต่ก็เป็นการขอความร่วมมือเฉพาะกับวิทยาลัยที่มีเด็กและเยาวชน
เข้ามาสู่กระบวนพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น
แต่การท่าบันทึกข้อตกลงกับทั้งสองหน่วยงานนี้ ท่าให้ทุกวิทยาลัยและทุกโรงเรียนที่อยู่ในสังกัด
ของทั้งสองหน่วยงานได้รับรู้และเข้าใจเด็กและเยาวชนมากขึ้น ได้รับรู้ว่าเด็กและเยาวชนสามารถแก้ไข
เปลี่ยนแปลงได้ ไม่ไล่เด็กและเยาวชนออกจากการเรียน แต่เข้ามาร่วมมือกับศาลในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
เด็กและเยาวชน อันถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว รวมทั้งประเทศชาติเป็นอย่างมาก
ภายหลังจากผู้เขียนย้ายไปรับราชการที่อื่น ได้มีการประสานความร่วมมือกับวิทยาลัยและโรงเรียน
เอกชนอกหลายแห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีบ้านโป่งบริหารธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาดรุณาราชบุรี
ี
วิทยาลัยเทคโนโลยีดรุณาโปลีเทคนิค วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก บ้านโป่ง และวิทยาลัยเทคโนโลยี
ราชบุรีบริหารธุรกิจ
๓๐
บันทึกข้อตกลงด้านสาธารณสุข
จากการที่นักจิตวิทยาประเมินสภาพปัญหาเด็กและเยาวชนในเบื้องต้นตั้งแต่เด็กและเยาวชนเข้าสู่
ศาลไม่ว่าจะเข้าหาพนักงานสอบสวนเองแล้วพนักงานสอบสวนน่าตัวมาศาลเพอให้ศาลสั่งควบคุมตัวหรือถูก
ื่
จับกุมแล้วน่าตัวมาให้ศาลตรวจสอบการจับ เมื่อศาลมอบตัวเด็กหรือเยาวชนให้แก่ผู้ปกครอง โดยให้
ผู้ปกครองน่าตัวเด็กหรือเยาวชนเข้ารับค่าปรึกษาแนะน่าจากนักจิตวิทยา พบว่าเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ใช้
สารเสพติด โดยศาลได้จัดหาชุดตรวจปัสสาวะให้นักจิตวิทยาใช้ในการตรวจสอบเด็กและเยาวชนทุกราย
และพบว่าบางรายน่าจะมีอาการป่วยทางด้านจิตเวช จ่าเป็นต้องส่งเด็กและเยาวชนเข้าสู่กระบวนการบ่าบัด
อาการผู้ติดยาเสพติด (กรณีที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติฟนฟฯ) หรือตรวจสภาพจิต ศาลจึงได้
ู
ื้
ประสานความร่วมมือกับสาธารณสุขจังหวด ซึ่งมีโรงพยาบาลของรัฐทั้งโรงพยาบาลประจ่าจังหวัด อาเภอ
ั
่
และต่าบลอยู่ในสังกัดให้เข้ามามีส่วนร่วมในการด่าเนินการดังกล่าว จากการหาหรือในเรื่องแนวทางการ
ด่าเนินงานท่าให้ทราบว่า สาธารณสุขจังหวัดมีงบประมาณในการด่าเนินการดังกล่าวในกรณีที่เด็กหรือ
เยาวชนเข้าไปรับการตรวจรักษาด้วยตนเอง จึงได้ท่าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการบ่าบัดรักษาเด็ก
หรือเยาวชนที่ใช้หรือติดสารเสพติดหรือการตรวจประเมินทางด้านจิตเวช โดยก่าหนดแนวทางการ
ด่าเนินงานร่วมกันว่า เมื่อศาลส่งตัวเด็กหรือเยาวชนไปเข้ารับการตรวจหรือรักษายังโรงพยาบาลในสังกัด
๓๐ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ฉบับลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘