Page 673 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 673

๖๖๑




                 ๑. บทน า

                       การลงโทษทางอาญามีวัตถุประสงค์ ๔ ประการ ตามทฤษฎีการลงโทษ ได้แก่ ทฤษฎีการลงโทษเพอ
                                                                                                       ื่
                                                                                     ู
                 แก้แค้นทดแทน ทฤษฎีการลงโทษเพอข่มขู่ยับยั้ง ทฤษฎีการลงโทษเพอแก้ไขฟนฟ และทฤษฎีการลงโทษ
                                                                                  ื้
                                               ื่
                                                                           ื่
                 เพอตัดโอกาสไม่ให้กระท าความผิดอก ทั้งนี้ การลงโทษผู้กระท าความผิดอาญาจะต้องเหมาะสมกับการ
                                                ี
                   ื่
                 กระท าผิดและผู้กระท าผิด เช่น การลงโทษประหารชีวิตไม่ควรใช้กับการกระท าผิดอาญาเล็กน้อยหรือไม่
                 ร้ายแรง หรือไม่ควรใช้โทษปรับกับการกระท าผิดอาญาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และการลงโทษประหารชีวิต
                 ไม่ควรใช้กับผู้กระท าผิดอาญาโดยประมาท หรือการลงโทษจ าคุกไม่ควรใช้กับผู้กระท าผิดอาญาเล็กน้อย

                 และกระท าผิดครั้งแรก กฎหมายอาญาจึงบัญญัติให้ศาลมีอานาจใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษให้เหมาะสม
                                                                            ิ

                                                            ิ
                 กับการกระท าผิดและผู้กระท าผิด รวมถึงการใช้ดุลพนิจยังไม่ลงโทษจ าคุกด้วย โดยรอการก าหนดโทษหรือ
                                                        ื่
                 รอการลงโทษจ าคุกภายใต้เงื่อนไขที่ก าหนดเพอให้โอกาสจ าเลยปรับปรุงความประพฤติหรือกลับตัวเป็น
                                              ื่
                                                         ู
                                                      ื้
                 พลเมืองดีตามทฤษฎีการลงโทษเพอแก้ไขฟนฟ เช่น การกระท าผิดในคดีอาญาที่มิใช่อาชญากรรมโดย
                 เนื้อหาเนื้อแท้หรือการกระท าผิดอาญาเล็กน้อย และผู้กระท าผิดซึ่งมิได้มีนิสัยชั่วร้าย แต่กระท าผิดเพราะ
                 อารมณ์ชั่ววูบและการกระท าผิดครั้งแรก การลงโทษจ าคุกโดยไม่รอการก าหนดโทษ หรือไม่รอการลงโทษ
                 ย่อมไม่เหมาะสมกับการกระท าผิดและผู้กระท าผิด และอาจท าให้ผู้กระท าผิดกลับมากระผิดซ้ าอก
                                                                                                       ี
                 การกระท าผิดในคดีอาญาที่มิใช่อาชญากรรมโดยเนื้อแท้หรือการกระท าผิดอาญาเล็กน้อย เช่น จ าเลยซึ่ง

                 เป็นเด็กอายุ ๑๙ ปี เสพยาเสพติดครั้งแรกเพราะอยากลอง กฎหมายยาเสพติดก าหนดโทษจ าคุกใน
                                                  ิ
                 ความผิดฐานนี้ไม่เกิน ๓ ปี หากศาลพพากษาลงโทษจ าคุกจ าเลยก็จะเป็นการน าจ าเลยซึ่งเป็นเด็กเข้า
                 เรือนจ าไปปะปนกับผู้กระท าผิดร้ายแรง จ าเลยซึ่งเป็นเด็กย่อมมีโอกาสที่จะได้รับการถ่ายทอดวิธีกระท า
                 ความผิดที่ร้ายแรงมากขึ้น และเมื่อจ าเลยซึ่งเป็นเด็กพนโทษออกมาแล้วย่อมเป็นการยากที่จะประกอบ
                                                               ้
                 อาชีพสุจริตได้เพราะอาจถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นผู้เคยกระท าความผิดและถูกจ าคุกมาก่อน เด็กอาจหวนไป

                 กระท าความผิดที่ร้ายแรงมากขึ้นได้ หรือกรณีที่จ าเลยกระท าความผิดฐานขับขี่รถขณะเมาสุราแล้วชนผู้อน
                                                                                                       ื่
                 ได้รับบาดเจ็บ เมื่อปรากฏว่าจ าเลยไม่เคยกระท าความผิดมาก่อนทั้งยังประกอบธุรกิจที่มีลูกจ้างจ านวนมาก

                 จ าเลยส านึกผิดในการกระท าและชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว หากลงโทษจ าคุก

                                                                                        ั
                 จ าเลยแม้อาจจะเป็นระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเหมาะสมกับการกระท าผิดแต่ก็ไม่เหมาะสมกบผู้กระท าผิดเพราะ
                                 ู
                 ไม่มีผลต่อการฟนฟแก้ไขจ าเลยแต่อย่างใด ทั้งยังส่งผลต่อลูกจ้างจ าเลยที่ต้องขาดรายได้ที่จะได้รับจาก
                              ื้
                 จ าเลยด้วย กรณีนี้หากศาลใช้ดุลพินิจรอการก าหนดโทษหรือรอการลงโทษจ าคุก และก าหนดเงื่อนไขให้คุม

                 ความประพฤติจ าเลยไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ ก็จะเป็นการฟนฟแก้ไขหรือปรับเปลี่ยน
                                                                                      ู
                                                                                   ื้
                 พฤติกรรมจ าเลยได้ อย่างไรก็ดีจ าเลยบางรายหลังจากได้รับโอกาสด้วยการรอการก าหนดโทษหรือการรอ
                 การลงโทษแล้วกลับปฏิบัติผิดเงื่อนไขการรอการก าหนดโทษหรือการรอการลงโทษเพอคุมความประพฤติ
                                                                                        ื่

                 ซึ่งศาลมีอานาจที่จะตักเตือนจ าเลยและหากศาลเห็นว่าจ าเลยยังอยู่ในวิสัยที่จะปรับปรุงตัวได้ศาลก็อาจให้
                                                                                               ื่
                             ี
                 โอกาสจ าเลยอกครั้งโดยให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการรอการก าหนดโทษหรือการรอการลงโทษเพอคุมความ
                 ประพฤติและระยะเวลาคุมประพฤติเดิม โดยจะเพมเติมเงื่อนไขการรอการก าหนดโทษหรือการรอการ
                                                            ิ่
   668   669   670   671   672   673   674   675   676   677   678