Page 678 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 678
๖๖๖
ิ
ื่
คือก าหนดเวลาที่จะได้ตัวผู้กระท าความผิดมาเพอรับโทษตามค าพพากษาถึงที่สุด โดยเริ่มนับแต่
ิ
วันที่มีค าพพากษาถึงที่สุดหรือวันที่ผู้กระท าความผิดหลบหนี โดยค าพพากษาย่อมถึงที่สุดเมื่อค าพพากษา
ิ
ิ
ิ
้
นั้นเป็นค าพพากษาศาลฎีกา หากมิใช่ค าพพากษาศาลฎีกา ค าพากษานั้นย่อมถึงที่สุดเมื่อพนระยะเวลายื่น
ิ
ุ
ุ
อุทธรณ์หรือฎีกาโดยไม่มีการอทธรณ์หรือฎีกา หรือมีการอทธรณ์หรือฎีกาแต่ได้ถอนอทธรณ์หรือฎีกา หรือ
ุ
ุ
ุ
อทธรณ์หรือฎีกานั้นเป็นอทธรณ์หรือฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนวันที่ผู้กระท าความผิดหลบหนี
ั
ิ
หมายถึงวันที่ผู้กระท าความผิดที่รับโทษตามค าพพากษาอนถึงที่สุดหลบหนีจากการคุมขัง หากมีการ
หลบหนีหลายครั้ง วันที่ผู้กระท าความผิดหลบหนี คือวันที่ผู้กระท าความผิดหลบหนีจากการคุมขังครั้ง
สุดท้าย
๔. การรอการก าหนดโทษ และการรอการลงโทษจ าคุก
การรอการก าหนดโทษและการรอการลงโทษเป็นวิธีการที่ศาลใช้เพอหลีกเลี่ยงผลร้ายของการ
ื่
ลงโทษจ าคุกระยะสั้นประการหนึ่ง หรือเป็นวิธีการเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ศาลจ าคุกจ าเลยในระยะเวลาอันสั้น
๔.๑ หลักเกณฑรอการก าหนดโทษ และการรอการลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา
์
มาตรา ๕๖
๕
(๑) เป็นการกระท าความผิดในคดีที่มีโทษจ าคุกไม่ว่าจะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม
(๒) คดีนั้นจะลงโทษจ าคุกไม่เกินห้าปีไม่ว่าจะลงโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม หรือคดีนั้นศาลลงโทษ
ปรับเพียงอย่างเดียวก็ได้
(๓) ผู้กระท าความผิดต้องไม่เคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน หมายถึง ต้องเป็นการรับโทษจ าคุกจริง ๆ
ิ
(ค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๙๘๓/๒๔๙๗) ในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว (ค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๖๙๐๐/๒๕๔๔) โดย
ิ
ิ
ไม่ค านึงว่าโทษจ าคุกที่ได้รับมากอนนั้นจะเกดจากการกระท าความผิดเมื่อใด (ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๗๐/
่
๒๕๐๗)
(๔) หากเคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อนต้องเป็นโทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือหากเคยได้รับโทษ
จ าคุกเกินหกเดือนมาก่อนโทษนั้นต้องเป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระท าโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
หรือหากเคยได้รับโทษจ าคุกเกินหกเดือนในความผิดที่กระท าโดยเจตนามาก่อนจะต้องพ้นโทษจ าคุกมาเกิน
ี่
กว่าห้าปีก่อนที่จะมากระท าความผิดในคดีทศาลจะรอการก าหนดโทษหรือรอการลงโทษและในคดีที่ศาลจะ
ี่
รอการก าหนดโทษหรือรอการลงโทษนี้จะต้องเป็นคดีทผู้กระท าความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ
ส าหรับโทษปรับนั้น มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ เมื่อปี ๒๕๕๙ ให้อานาจศาล
ในการรอการลงโทษปรับได้ โดยโทษปรับที่จะรอการลงโทษนั้น กฎหมายมิได้จ ากัดจ านวนเงินค่าปรับไว้
ิ
ดังนั้น ไม่ว่าความผิดนั้นจะมีระวางโทษปรับมากเท่าใด ศาลก็สามารถใช้ดุลพนิจในการรอการก าหนด
๕ เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์, ค าอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ เล่ม ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติม,
(กรุงเทพมหานคร: บริษัทกรุงสยามพับลิชชิ่ง จ ากัด, ๒๕๖๒), น. ๕๖๙-๕๘๐.