Page 675 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 675

๖๖๓




                        การลงโทษทางอาญามีวัตถุประสงค์ ๔ ประการ ตามทฤษฎีการลงโทษ ดังนี


                        ๒.๑ ทฤษฎีการลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
                                                                         ๓
                                                                  ื่
                         วัตถุประสงค์การลงโทษตามแนวคิดนี้จะเป็นไปเพอความยุติธรรม ผู้ใดกระท าความผิดก็จะได้รับ
                                                                ิ
                 โทษเป็นการตอบแทน โดยนักปรัชญาชาวเยอรมัน ชื่อ อมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant) ให้เหตุผล
                 สนับสนุนความคิดทฤษฎีนี้ว่า ถ้าสังคมไม่ลงโทษผู้กระท าผิดก็เท่ากับสังคมยอมรับรองการกระท าของเขา

                 และด้วยเหตุผลนั้นก็มีผลเสมือนว่าสังคมเป็นผู้สนับสนุนให้กระท าความผิด และยังกล่าวว่าจะใช้การลงโทษ
                      ี
                                                                    ื่
                                   ื่
                                                        ื่
                 เป็นเพยงเครื่องมือเพอให้เกิดประโยชน์อย่างอนไม่ได้ ไม่ว่าเพอให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ลงโทษหรือแก่สังคม
                             ็
                                           ุ
                 เป็นส่วนรวมกตาม การลงโทษทกกรณีจะต้องเนื่องมาจากเหตุว่าบุคคลที่ถกลงโทษได้กระท าความผิดอาญา
                                                                             ู
                                                                            ื่
                                                                        ี
                 เท่านั้น ทั้งนี้ เพราะเป็นการไม่บังควรที่จะปฏิบัติต่อบุคคลหนึ่งเพยงเพอจะเป็นเครื่องมือให้บังเกิดผลแก่
                                                               ั
                        ื่
                 บุคคลอน ทุกคนมีสิทธิในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในอนที่จะไม่ถูกปฏิบัติเช่นนั้น โดยทฤษฎีนี้ความผิด
                 ที่กระท าและโทษที่ได้รับจะต้องเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกัน เหตุที่รัฐต้องเข้ามารับหน้าที่ลงโทษผู้กระท า
                 ความผิดเพราะป้องกนมิให้มีการแกแค้นกันเองโดยไม่สิ้นสุดจนสังคนเกิดความวุ่นวาย และเป็นการช่วยผู้ที่
                                  ั
                                              ้
                 ออนแอกว่าให้ได้รับความยุติธรรม โดยการลงโทษผู้กระท าความผิดให้ได้รับผลร้ายสาสมและทดแทนกัน
                  ่
                                                       ื่
                 อย่างยุติธรรม ซึ่งวัตุประสงค์ในการลงโทษเพอเป็นการทดแทนนี้สอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชน

                                                                                       ี
                 แต่มีจุดอ่อน คือ ไม่ได้พิจารณาว่าการลงโทษมผลต่อการป้องกันมิให้กระทาความผิดอกและการลงโทษตาม
                                                       ี
                 วัตถุประสงค์นี้ไม่ค านึงถึงความจ าเป็นของสังคม แต่ค านึงถึงความเหมาะสมของโทษกับความผิดที่กระท า
                 ดังนั้นเมื่อลงโทษผู้กระท าความผิดตามอตราโทษแล้วก็ต้องปล่อยตัวทั้งที่มีแนวโน้มในการหวนกลับมา
                                                   ั
                 กระท าผิดซ้ าและเป็นอนตรายต่อสังคมอยู่ ทั้งเป็นการยากที่จะวัดความรุนแรงของโทษกับการกระท า
                                     ั
                 ความผิดว่าเท่ากันหรือไม่ เนื่องจากความเท่าเทียมกันของโทษและการกระท าความผิดนั้นเป็นเรื่องของ
                 ความรู้สึกไม่มีเครื่องมือหรือมาตรฐานที่จะวัดความทดแทนให้เท่ากันได้



                        ๒.๒ ทฤษฎีการลงโทษเพื่อข่มขู่ยับยั้ง (Deterrence)
                                                              ี
                         ทฤษฎีนี้มีหลักว่า การลงโทษจะค านึงถึงแต่เพยงผลของการลงโทษต่อตัวผู้กระท าความผิดเท่านั้น
                 ไม่ได้ แต่ต้องค านึงถึงผลต่อประชาชนทั่วไปด้วย วัตถุประสงค์ในการลงโทษผู้กระท าความผิดก็เพอ
                                                                                                       ื่
                 ประโยชน์ ๒ ประการ ได้แก  ่
                         (๑) มีผลแก่ตัวผู้กระท าความผิด ท าให้ผู้กระท าความผิดซึ่งถูกลงโทษมีความเข็ดหลาบไม่กล้า

                 กระท าอีก
                                                                                           ื่
                         (๒) เป็นตัวอย่างให้กับบุคคลทั่วไปให้เห็นว่าเมื่อกระท าผิดแล้วจะต้องได้รับโทษเพอคนทั่วไปจะได้
                 ทราบจะได้เกรงกลัวไม่กล้ากระท าความผิดขึ้นบ้าง ท าให้เกิดความยับยั้งชั่งใจไมกล้ากระท าความผิดเช่นนั้น
                                                                                  ่
                  ี
                 อก การข่มขู่ดังกล่าวท าให้เกิดความกลัวที่จะถูกลงโทษ นอกจากจะท าให้หลายคนไม่กล้ากระท าความผิด
                                                                   ึ
                 แล้วยังมีผลท าให้คนทั่วไปคิดว่าการกระท าความผิดเป็นสิ่งที่พงหลีกเลี่ยง


                        ๓  ธานี วรภัทร์, กฎหมายว่าด้วยการบังคับโทษ, พิมพ์ครั้งที่ ๒ แก้ไขเพิ่มเติม, น. ๓๔.
   670   671   672   673   674   675   676   677   678   679   680