Page 676 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 676

๖๖๔




                                   ื่
                         การลงโทษเพอข่มขู่ยับยั้งมีลักษณะส าคัญ คือ ความแน่นอนในการน าตัวผู้กระท าผิดมาลงโทษ
                 โอกาสหลุดรอดจากการถูกจับกุมมาลงโทษเป็นไปได้ยาก ซึ่งมีผลเป็นการข่มขู่และยับยั้งท าให้เกิดความ
                                               ี
                 เกรงกลัวไม่กล้าเสี่ยงกระท าผิดขึ้นอก เพราะท าผิดแล้วต้องถูกจับกุมก็ไม่คุ้มค่า และเมื่อมีการกระท าผิด
                 จะต้องสามารถน าตัวผู้กระท าผิดมาลงโทษได้อย่างรวดเร็วให้ “เห็นผลทันตา” เพราะหากมีการกระท าผิด

                             ี
                 เกิดขึ้นแล้ว อก ๓ ปี ต่อมาจึงสามารถจับกุมตัวผู้กระท าผิดได้ หรืออก ๕ ปี ต่อมากว่าศาลจะลงโทษ
                                                                            ี
                 ผู้กระท าผิดก็ท าให้คนทั่วไปลืมเรื่องราวการกระท าผิดที่เกิดขึ้นท าให้การลงโทษไม่มีผลในการข่มขู่ยับยั้ง
                                                                                           ี
                 เพราะไม่เห็นผลทันตา และการลงโทษผู้กระท าผิดนั้นจะต้องถูกลงโทษอย่างเสมอภาค ไม่มการเลือกปฏิบัติ
                 และบทลงโทษต้องมีความเหมาะสมกับความผิดที่ได้กระท าขึ้น หากมีการลงโทษที่เบาเกินไปไม่ได้สัดส่วน
                                                                   ่
                 กับการกระท าผิดจะส่งผลท าให้ผู้กระท าผิดและบุคคลทั่วไปไม่เกรงกลัว และคุ้มค่าที่จะเสี่ยงกระท าผิด แต่
                 หากบทลงโทษหนักเกินไปก็จะท าให้ผู้กระท าผิดพยายามปกปิดความผิดของตนเองโดยอาจท าร้ายเหยื่อ

                 หรือท าให้เหยื่อได้รับผลร้ายมากขึ้น

                        ๒.๓ ทฤษฎีการลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)

                                                          ื่
                         การลงโทษตามทฤษฎีนี้มีวัตถุประสงค์เพอป้องกันมิให้บุคคลที่ได้กระท าผิดมาแล้วกลับมากระท า
                                                                                                       ี
                 ผิดซ้ าอก โดยพยายามหาวิธีให้ผู้ที่เคยกระท าความผิดมาแล้วเกิดความยับยั้งชั่งใจไม่กระท าผิดช้ าอก
                       ี
                 ซึ่งทฤษฎีนี้เกิดขึ้นภายหลังทฤษฎีที่ ๑ และที่ ๒ ที่ได้กล่าวแล้ว แนวคิดของทฤษฎีนี้เห็นว่า การท าให้
                 ผู้กระท าผิดได้รับความยากล าบาก หรือผลร้ายด้วยการลงโทษแต่เพียงอย่างเดียวไม่น่าจะท าให้คนประพฤติ
                 ตัวดีขึ้น หรือส านึกในการกระท าที่ไม่ดีของตัวเอง ประกอบกับเห็นว่าการลงโทษเพอการข่มขู่ยับยั้งไม่มีผล
                                                                                     ื่
                 ต่อการป้องกันไม่ไห้ผู้กระท าผิดที่ได้รับโทษแล้วกลับใจไม่กระท าผิดซ้ าอก ไม่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้กระท าผิด
                                                                             ี
                 กลับตัวเป็นคนดีได้ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการลงโทษในข้อนี้จะไปสัมพนธ์หรือไปขยายผลในวัตถุประสงค์ของ
                                                                         ั
                 การลงโทษในหัวข้อต่อไป


                        ๒.๔ ทฤษฎีการลงโทษเพื่อตัดโอกาสไม่ให้กระท าความผิดอีก (Incapacitation)

                         คือแนวความคิดที่ท าให้ผู้กระท าความผิดหมดโอกาสกระท าความผิด ได้แก่ การจ าคุกตลอดชีวิต

                 การจ าคุกมีก าหนดระยะเวลา และการประหารชีวิต โดยประสงค์จะก าจัดผู้กระท าความผิดให้ออกไปจาก
                 สังคมอย่างถาวรหรือชั่วคราว เพอป้องกันให้คนในสังคมอยู่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องหวาดระแวงภัยจาก
                                            ื่
                 บุคคลนั้น ๆ อีกต่อไป



                 ๓. อายุความในคดีอาญา


                        ๓.๑ แนวคิดเกี่ยวกับอายุความในคดีอาญา

                                                                                              ้
                            ในคดีอาญามีอายุความหลัก ๒ ชนิด ได้แก่ อายุความฟ้องร้อง คือ ก าหนดเวลาที่จะฟองและได้ตัว
                 ผู้กระท าความผิดมาศาล และอายุความล่วงเลยการลงโทษ คือ ก าหนดเวลาที่จะได้ตัวผู้กระท าความผิดมา
   671   672   673   674   675   676   677   678   679   680   681