Page 674 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 674

๖๖๒




                                                  ิ่
                         ื่
                 ลงโทษเพอคุมความประพฤติและหรือเพมระยะเวลาคุมความประพฤติก็ได้ แต่ในกรณีที่ศาลเห็นว่าจ าเลย
                 ไม่อาจกลับตัวได้ก็ต้องก าหนดการลงโทษที่ยังไม่ได้ก าหนดหรือลงโทษซึ่งรอไว้ ในกรณีที่ศาลก าหนดโทษ
                 โดยให้จ าคุกหรือศาลลงโทษจ าคุกซึ่งรอการลงโทษไว้ และเมื่อยังไม่ได้ตัวจ าเลยมารับโทษจึงต้องออก

                 หมายจับตัวจ าเลยเพอด าเนินคดีชั้นผิดเงื่อนไขการรอการก าหนดโทษหรือการรอการลงโทษจ าคุก
                                    ื่
                 แต่กฎหมายอาญามิได้ก าหนดอายุความการน าตัวจ าเลยมาบังคับโทษในกรณีนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงมีปัญหาว่า
                 จะก าหนดอายุความอย่างไร เช่น อายุความตามฐานความผิดที่จ าเลยกระท า ตามประมวลกฎหมายอาญา

                                                ี่
                 มาตรา ๙๕ อายุความตามโทษจ าคุกทศาลก าหนด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ หรืออายุความ
                                                                            ิ
                 ตามระยะเวลาการรอการก าหนดโทษหรือการรอการลงโทษจ าคุก ผู้พพากษาในแต่ละคดีจึงอาจก าหนด
                 อายุความในกรณีดังกล่าวแตกต่างกัน ก่อท าให้เกิดความลักลั่นไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันอนเป็นผลให้
                                                                                              ั
                 จ าเลยในแต่ละคดีที่เป็นกรณีเดียวกันได้รับความยุติธรรมที่แตกต่างกันได้ การศึกษาปัญหาพร้อมกับมี

                 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาจะท าให้การก าหนดอายุความในกรณีดังกล่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
                 และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการลงโทษอนจะท าให้จ าเลยในแต่ละคดีได้รับความยุติธรรมอย่าง
                                                         ั
                      ี
                 เท่าเทยมกันได้อย่างแท้จริง


                  ๒. ทฤษฎีการลงโทษ


                         การลงโทษทางอาญา คือ การปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ท าให้ผู้ที่ได้รับการปฏิบัตินั้นต้องได้รับ
                 ผลร้าย เนื่องมาจากการที่บุคคลนั้นฝ่าฝืนแนวปฏิบัติอนเป็นกติกาของสังคม โดยรัฐจะเป็นผู้ท าหน้าที่
                                                                ั
                 จัดการให้ผู้กระท าผิดได้รับผลร้ายนั้น ๆ การลงโทษเป็นรูปแบบหนึ่งของการป้องกันสังคมจากผู้กระท า

                 ความผิด โดยแบ่งเป็นการป้องกันทั่วไป คือการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ได้แก่
                                                                                               ื่
                 ประหารชีวิต จ าคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน เนื่องจากเป็นมาตรการบังคับทางอาญาเพอข่มขู่ไม่ให้
                 บุคคลอนกระท าความผิดในทางเดียวกัน หรือเป็นการบังคับจิตใจบุคคลทั่วไปที่คิดจะกระท าความผิดอย่าง
                       ื่
                 เดียวกันให้งดความคิดนั้น ส่วนวิธีการเพอความปลอดภัยเป็นมาตรการบังคับทางอาญาซึ่งมีวัตถุประสงค์
                                                   ื่
                                                                                                  ๑
                 เป็นการป้องกันพิเศษ และใช้เพื่อป้องกันมิให้ผู้กระท าความผิดกลับมากระท าความผิดเดียวกันซ้ าอีก

                         ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ กล่าวถึงโทษไว้ว่าเป็นวิธีการบังคับ (sanction) ที่รัฐใช้ปฏิบัติต่อ

                 ผู้กระท าผิดอาญา ซึ่งมีลักษณะส าคัญ คือ โทษต้องเป็นไปตามกฎหมาย โทษต้องเป็นไปโดยเสมอภาค และ
                                                       ๒
                 โทษต้องมีลักษณะเป็นการเฉพาะตัวของบุคคล






                        ๑  ธานี วรภัทร์, กฎหมายว่าด้วยการบังคับโทษ, พิมพ์ครั้งที่ ๒ แก้ไขเพิ่มเติม, (กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน,
                 ๒๕๕๕), น.๓๓.
                        ๒  พยนต์ สินธุนาวา, การศึกษาเรื่องการสืบเสาะและพินิจเชิงเปรียบเทียบ, เอกสารประกอบผลงาน กรมคุม

                 ประพฤติ กระทรวงยุติธรรม, (๒๕๕๕), น. ๖-๗.
   669   670   671   672   673   674   675   676   677   678   679