Page 76 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 76
๖๓
ื่
การรอการลงโทษและการกําหนดเงื่อนไขเพอคุมความประพฤติ พ.ศ. 2559 ข้อ 11 วางในการกําหนด
เงื่อนไขการคุมความประพฤติในคดีสิ่งแวดล้อมและยังให้ศาลอาจสอบถามบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเห็น
ั
ทั้งยังต้องคํานึงถึงสิทธิต่างๆ ตามหลักการของกฎหมายสิ่งแวดล้อมไม่ว่าหลักป้องกันล่วงหน้า หลักพฒนาที่
ยั่งยืนหรือหลักความยุติธรรมระหว่างคนรุ่นเดียวกันและคนรุ่นถัดไป แต่การกําหนดเงื่อนไขให้ผู้กระทํา
ื้
ู
ความผิดแก้ไขฟนฟหรือเยียวยาความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น ผู้พพากษา
ิ
ต้องมีความเข้าใจในปัญหาดังกล่าวอย่างแท้จริง ซึ่งศาลมีคดีเป็นจํานวนมากหากจะลงลึกไปพิจารณาดูแลคดี
ดังกล่าวอย่างเฉพาะก็จะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในปัญหาดังกล่าวและต้องมีเวลาในการค้นหาวิธีการ
ิ
แก้ไขที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งในปัจจุบันเป็นการกระทําที่ยากในทางปฏิบัติเพราะผู้พพากษายังขาดความรู้
ในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้งและความเข้าใจถึงวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องแท้จริง ทั้งยังมีคดีประเภท
อื่นให้รอพิจารณาพิพากษาเป็นจํานวนมาก
ุ
3. แม้กรมคุมประพฤติจะมีบันทึกข้อตกลงกับกรมอทยานแห่งชาติฯ หรือหน่วยงานภาคีต่างๆ แต่
ื้
จากการสัมภาษณ์พนักงานคุมประพฤติในพนที่ทําให้ทราบว่ายังมีปัญหาเกี่ยวกับการประสานงานระหว่าง
เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการปลูก
จิตสํานึกให้แก่ ผู้ถูกคุมประพฤติให้เข้าใจเกี่ยวความสําคัญของสิ่งแวดล้อม และบางครั้งการให้ทํางานบริการ
สังคมในบางความผิดยังไม่ตรงกับความผิดของผู้ถูกคุมประพฤติ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลสถานที่ที่จะให้
ผู้กระทําความผิดไปทํางานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เกิดความกลัวไม่อยากให้ผู้กระทําความผิดไป
ทํางานเนื่องจากเป็นบุคคลที่เคยกระทําความผิดมาก่อน
4. จากสถิติของศาลจังหวัดฮอดพบว่า ผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับคดีสิ่งแวดล้อมภายในเขตอานาจ
ํ
ของศาล เมื่อศาลมีการส่งไปคุมความประพฤติและทํางานบริการสังคมฯ จะไม่มีการกลับมากระทําความผิด
ี
เกี่ยวกับคดีสิ่งแวดล้อมอก แต่หากผู้กระทําความผิดดังกล่าวมีความผิดฐานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ
รวมอยู่ด้วยจะมีแนวโน้มกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษอีก
5. จากข้อมูลรายงานการคุมความประพฤติทราบว่าการที่ศาลมีคําสั่งให้ผู้กระทําความผิดไปทํางาน
บริการสังคมฯ นั้น แม้พนักงานคุมประพฤติจะให้ผู้กระทําความผิดเข้าร่วมในการดูแลไฟป่าหรือให้ปลูกป่า
ั
ทดแทนอนเป็นการช่วยสร้างจิตสํานึกให้แก่ผู้กระทําความผิด แต่อย่างไรก็ดีการที่จะให้ผู้กระทําความผิดไป
16
ปลูกป่าทดแทนหรือคุมไฟป่านั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ แต่จะต้องใช้ดุลพินิจของศาลในการ
สั่งหรือความเห็นของพนักงานคุมประพฤติสั่งในขณะคุมความประพฤติเท่านั้นซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อน
ได้ นอกจากนี้จากข้อมูลของพนักงานคุมประพฤติได้ความว่าพนักงานคุมประพฤติยังไม่สามารถที่จะจัดให้
ผู้กระทําความผิดไปทํางานในที่ดินแปลงที่มีผู้กระทําความผิดบุกรุกอันเป็นการฟื้นฟูสถานที่ที่ถูกทําลายอย่าง
แท้จริงเนื่องจากยังขาดบุคลากรที่จะดูแลผู้กระทําความผิดในบริเวณดังกล่าว หรือการให้ผู้กระทําความผิด
ไปทํางาน ตัดหญ้า หรือทําความสะอาดสํานักงานซึ่งไม่ได้เป็นงานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมทําให้ผู้กระทําความผิดเกิดความรู้สึกเป็นการลงโทษมากกว่าการให้ผู้กระทําความผิดสํานึก
ในการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้รูปแบบในการทํางานบริการสังคมฯ ของพนักงานคุมประพฤติในคดี
ี
สิ่งแวดล้อมมีรูปแบบในการให้ผู้กระทําความผิดกระทําเพยงไม่กี่รูปแบบ เช่น ปลูกป่า ตัดหญ้า หรือช่วยดูแล
16 ดร.ชกาจ วรรณไพบลย์, ข้อพิจารณามาตรการกฎหมายในคดีสิ่งแวดล้อม, ดุลพาห, เล่มที่ 3 ปีท 67
ู
ี่
(กันยายน-ธันวาคม 2563): หน้าที่ 17-28