Page 78 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 78
๖๕
5. บทสรุปและข้อเสนอแนะ
การคุมความประพฤติในคดีสิ่งแวดล้อมเป็นมาตรการหลังจากที่มีการกระทําความผิดคดีบุกรุกป่า
เกิดขึ้นแล้ว มีวัตถุประสงค์เพอให้ผู้กระทําความผิดตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและ
ื่
สิ่งแวดล้อม อันจะนําไปสู่การแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่เหมาะสม และไม่กระทําความผิด
ํ
ซ้ํา ในพนที่เขตอานาจของศาลจังหวัดฮอดมีคดีเกี่ยวกับการบุกรุกป่าไม้เป็นจํานวนมาก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่
ื้
มาจากประชาชนในบางท้องที่ยังไม่ทราบว่าบริเวณใดเป็นบริเวณป่าสงวนเนื่องจากพนที่ของหมู่บ้านอาจ
ื้
ื้
ตั้งอยู่ใกล้ชิดกับพนที่ป่าสงวนทําให้มีการบุกรุกเข้าไปทํากินได้ ส่วนการล่าสัตว์ป่าเป็นอาหารก็เกิดจาก
วัฒนธรรมความเป็นอยู่เดิมของชาวบ้านในระแวกป่านั้น ศาลจึงนํามาตรการคุมประพฤติมาใช้กับผู้กระทํา
ความผิด โดยแยกเป็นการให้ความรู้ และงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ แต่อย่างไรก็ดีบางครั้ง
ยังขาดผู้มีความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่จะมาให้ความรู้แก่ผู้กระทําผิด อีกทั้งการทํางานบริการสังคมฯ ก็ยังไม่ตรง
วัตถุประสงค์ของการคุมประพฤติ ดังนั้นหากศาลประสงค์ที่จะให้การคุมความประพฤติของผู้กระทํา
ความผิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้ผลสําเร็จ ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
1. ในส่วนของผู้พพากษาควรที่จะจัดให้มีการอบรมเกี่ยวกับคดีสิ่งแวดล้อมแก่ผู้พพากษาเพอให้
ิ
ื่
ิ
เข้าใจในปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและหลักการของกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้งและสร้างความเข้าใจถึง
ื่
วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องแท้จริง เพอสามารถที่จะมีคําสั่งกําหนดเงื่อนไขในการคุมความประพฤติ
ผู้กระทําความผิดได้อย่างถูกต้องตรงตามเป้าประสงค์เพอให้ผู้กระทําความผิดตระหนักถึงโทษภัยของการ
ื่
ทําลายสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้กลับมากระทําความผิดอีก ทั้งยังให้เป็นไปตามหลักการของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าหลักป้องกันล่วงหน้า หลักพัฒนาที่ยั่งยืนหรือหลักความยุติธรรมระหว่างคนรุ่นเดียวกันและคนรุ่นถัดไป
นอกจากนี้ศาลควรกําหนดเงื่อนไขในการคุมความประพฤติและทํางานบริการสังคมและสาธารณประโยชน์
ให้เหมาะสมแก่ความผิดและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายตามหลักความได้สัดส่วน
(Principle of Proportionality) กล่าวคือ หากการกระทําความผิดนั้นสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
เพยงเล็กน้อยเช่น เก็บของป่าอาจกําหนดเงื่อนไขการคุมความประพฤติไม่จํากัดสิทธิมาก และอาจไม่จําต้อง
ี
ให้ทํางานบริการสังคมฯ เพียงแต่ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้กระทําความผิดก็ได้ แต่หากมีการตัดไม้ทําลายป่า
ซึ่งสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าก็อาจกําหนดเงื่อนไขที่เคร่งครัดมากขึ้นและให้มีระยะเวลา
ื้
ู
ทํางานบริการสังคมฯ ที่นานขึ้น ซึ่งอาจมีคําสั่งให้เข้าไปฟนฟสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายในบริเวณ
ดังกล่าว เป็นต้น
2. เนื่องจากคดีสิ่งแวดล้อมเริ่มเป็นปัญหาสําคัญต่อประเทศ ดังนั้นในอนาคตประเทศไทยควรมีการ
จัดตั้งศาลคดีสิ่งแวดล้อมเพอพจารณาคดีสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะแยกต่างหากจากศาลจังหวัดเพอคลาย
ื่
ิ
ื่
ื่
ิ
ข้อจํากัดในเรื่องของปริมาณคดีที่ผู้พพากษาจะต้องพจารณาคดีประเภทอนที่มีมากกว่าเช่น คดีเกี่ยวกับ
ิ
ยาเสพติดให้โทษ โดยสามารถที่จะมีเวลาในการพิจารณาพพากษาคดีสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
ิ
ิ
ขึ้น และศาลคดีสิ่งแวดล้อมย่อมจะมีความชํานาญในพิจารณาพพากษามากกว่า ทั้งยังอาจมีมาตรการในเรื่อง
โทษที่จะลงได้มากกว่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในต่างประเทศกมีการจัดตั้งศาลเฉพาะคดีสิ่งแวดล้อมที่พิจารณา
็
ทั้งคดีแพงและคดีอาญาเช่น ศาลที่ดินและสิ่งแวดล้อม มลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียที่มีอานาจ
่
ํ