Page 782 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 782
๗๗๐
้
ปัญหาการใชบังคับกฎหมายว่าด้วยโทษอุปกรณ์ตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่ง
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
Problem of Enforcement of Accessory penalty under Paragraph Three of
Section 31 of the National Reserved Forests Act, B.E. 2507 (1964)
บรรจง กล ่ำกลำย
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจ ากองผู้ช่วยศาลอุทธรณ์ภาค ๖
Banjong klamklai
Judge in the Research Division of the Court of Appeal, Region VI
บทคัดย่อ
ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส าคัญยิ่งของชาติ รัฐให้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการ
ป่าไม้ให้เหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้นเรื่อยมา ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายนอกจากจะมีบทก าหนดโทษ
โดยระวางโทษจ าคุก และโทษปรับ หรือทั้งจ าทั้งปรับ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
บัญญัติให้อานาจศาลที่จะสั่งให้ผู้ยึดถือหรือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติออกไปเสียจากป่านั้น และ
ต่อมามีการแก้ไขเพ่มเติมบทบัญญัติให้อานาจศาลสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือน าสิ่งใด ๆ อัน
ิ
ก่อให้เกิดการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติออกจากป่าสงวนแห่งชาติภายในระยะเวลาที่ก าหนด
ได้อีกด้วยตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ อันถือเป็น
ิ
บทบัญญัติว่าด้วยโทษอุปกรณ์ (Accessory penalty) อันใช้บังคับเพ่มเติมขึ้นนอกเหนือจากมาตรการ
บังคับทางอาญา (Criminal sanction) อย่างไรก็ตาม การปรับใช้บทบัญญัติว่าด้วยโทษอุปกรณ์ยังคงม ี
ปัญหาจากการตีความกฎหมายของนักกฎหมายคนละแนวทาง ในกรณีโจทก์ฟ้องว่าจ าเลยกระท า
ความผิดฐานยึดถือครอบครอง ท าประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ท าไม้
เก็บหาของป่า หรือกระท าด้วยประการใด ๆ อนเป็นการเสือมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยโจทก ์
่
ั
มีค าขอให้ศาลสั่งวิธีการของโทษอุปกรณ์ด้วย แต่ทางพิจารณาที่ได้ความว่าจ าเลยซึ่งยึดถือหรือ
ครอบครอง หรือมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามฟ้องนั้นขาดเจตนากระท า
ความผิด ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยมีค าวินิจฉัยในส่วนบทบัญญัติว่าด้วยโทษอุปกรณ์เป็น ๒
แนวทาง ไม่สอดคล้องกันอนเป็นกรณีศึกษาบทความนี้จึงให้ความส าคัญเกี่ยวกับการศึกษาหลักกฎหมาย
ั
ว่าด้วยโทษอปกรณ์และหลักการที่เกี่ยวข้อง เพอให้เห็นถึงว่าบทบัญญัติดังกล่าวไม่ถือเป็นโทษทางอาญา
ุ
ื่
ตามประมวลกฎหมายอาญา และย่อมน าไปปรับแก่คดีโดยแยกส่วนจากประเด็นการวินิจฉัยความรับผิด
ทางอาญาได้ ประกอบกับตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมซึ่งมุ่งปกป้องคุ้มครองและ
น.บ. (ธรรมศาสตร์), น.บ.ท.