Page 784 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 784
๗๗๒
whether this measure is criminal penalty under the Criminal Code or it can be applied
separately from the criminal liability. The researcher finds it as an effective legal instrument
of the National Reserved Forest Law to protect the environment and this should regularly
be enforced. This study also suggests the legal policy to amend the provisions of the
National Reserved Forests Act, B.E. 2507, Sections31 paragraph 3 more clearly. In case that
the court dismissed the plaintiff’s complaint but it is found that the defendant holds or
possesses the land in the National Reserved Forest without permission, the court should
.
definitely have the competence to apply the provisions on accessory penalties The new
law shall avoid the problem of the unclear interpretation.
Keywords : Criminal sanction, Accessory penalty, Paragraph 3 of Section 31 of the National
Reserved Forests Act, B.E. 2507 (1964)
บทน า
โดยที่ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส าคัญยิ่งของชาติ สภาผู้แทนราษฎรเห็นสมควรให้มีการ
ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ให้เหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้นเรื่อยมา แต่สภาพการบังคับใช้กฎหมายว่า
ด้วยการป่าไม้ยังพบปัญหามีผู้กระท าความผิดท าลักลอบตัดฟนต้นไม้แผ้วถางท าลายป่ามากขึ้นเป็นเหตุให้
ั
ั
ป่าอันเป็นทรัพยากรส าคัญของชาติที่ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ที่ดินเป็นแหล่งต้นน้ าล าธารถูกทาลายในอตรา
ิ่
สูงเกินสมควร แนวโน้มการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยบทก าหนดโทษนั้นมีหลักการเป็นการแก้ไขเพมเติม
ั
ื่
อตราโทษให้สูงขึ้นโดยระวางโทษจ าคุก โทษปรับ หรือทั้งจ าทั้งปรับ เพอให้ผู้กระท าความผิดเกรงกลัวต่อ
กฎหมายบ้านเมือง แต่สภาพการบังคับใช้กฎหมายยังปรากฏว่าป่าไม้ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติยังคงถูก
บุกรุกยึดถือครอบครองอย่างกว้างขวาง เนื้อที่ป่าไม้อางองจากฐานข้อมูลสารสนเทศกรมป่าไม้พบว่า ณ ปี
ิ
้
ื้
ื้
๒๕๖๑–๒๕๖๒ มีพนที่ป่าไม้จ านวน ๑๐๒,๔๘๔,๐๗๒.๗๑ ไร่หรือร้อยละ ๓๑.๖๘ ของพนที่ประเทศ เมื่อ
๑
ประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้ระยะหนึ่งจึงมีการแก้ไข
เพมเติมบทบัญญัติที่มีผลท าให้ศาลมีอานาจที่จะสั่งให้ผู้ยึดถือหรือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ิ่
เสียออกจากที่ดินด้วย อันถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีบทบัญญัติว่าด้วยโทษอุปกรณ์ของกฎหมายว่าด้วย
ป่าสงวนแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นการบังคับใช้บทบัญญัติดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา ๓๑วรรคสาม แห่ง
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุดโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งกฎหมายให้ศาลมีอ านาจสั่งในส่วนโทษอุปกรณ์อย่างรัดกุมขึ้น โดยนอกจากที่จะ
สั่งให้ผู้กระท าความผิดต่อป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนคนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระท าผิด
๑ เข้าถึงได้จาก :http://forestinfo.forest.go.th/Content/file/rfd_forestarea2561_62_executive-
summary.pdf (วันที่ค้นข้อมูล : ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔).