Page 789 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 789
๗๗๗
กระท าได้ต่อเมื่อได้มีการพพากษาลง “โทษหลัก” แล้ว หรือมิฉะนั้น การลง “โทษข้างเคียง”กระท าได้เมื่อ
ิ
๗
กรณีมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ “โทษหลัก”
จะเห็นได้ว่าศาสตราจารย์นักกฎหมายทั้งสองท่านมีความเห็นและอธิบายถึงมาตรการบังคับ
ทางอาญาว่าด้วยโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ในท านองเดียวกันคือแยกเป็นในส่วนของ
โทษประธานหรือโทษหลักประการหนึ่ง และโทษอุปกรณ์/โทษผนวกหรือโทษข้างเคียงอีกประการหนึ่ง และ
โทษที่จะลงแก่ผู้กระท าความผิดเป็นโทษ ๕ สถาน ที่บัญญัติไว้ตามมาตรา ๑๘ เท่านั้น และโทษที่จะลงแก่
ผู้กระท าความผิดนั้นต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ กฎหมาย
อาญานอกจากที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ยังบัญญัติอยู่ในพระราชบัญญัติอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งหากพระราชบัญญัตินั้น ๆ มีบทบัญญัติมาตราใดมาตราหนึ่งที่เข้าลักษณะของ “กฎหมายอาญา” มาตรา
และบทก าหนดโทษเหล่านั้นก็เป็น “กฎหมายอาญา” เช่นกัน ดังนั้น จึงต้องน าบทบัญญัติในภาค ๑ แห่ง
ื่
ประมวลกฎหมายอาญาไปใช้ในกรณีความผิดตามกฎหมายอน ๆ ด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติ
ไว้เป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗ บัญญัติไว้
ื่
อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการบังคับทางอาญาซึ่งได้แก่โทษและวิธีการเพอความปลอดภัย
ิ่
ดังกล่าวแล้ว ระบบกฎหมายของประเทศไทยมีมาตรการให้ก าหนดวิธีการบังคับทางอาญาอนเพมเติมแก่
ื่
ื่
ผู้กระท าความผิดได้ กรณีตามประมวลกฎหมายอาญามีการตราซึ่งมาตรการบังคับทางอาญาอนไว้ใน
บทบัญญัติของกฎหมายที่มีเหตุผลเฉพาะไว้ตามมาตรา ๓๓๒ ซึ่งบัญญัติว่า
“มาตรา ๓๓๒ ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีค าพพากษาว่าจ าเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง
ิ
(1) ให้ยึด และท าลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีขอความหมิ่นประมาท
้
์
ิ
(2) ให้โฆษณาค าพพากษาทั้งหมด หรือบางส่วนในหนังสือพิมพหนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้ง
เดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จ าเลยเป็นผู้ช าระค่าโฆษณา”
๘
การตรากฎหมายโดยบัญญัติให้มีมาตรการบังคับทางอาญาอน ซึ่งต่อไปผู้เขียนขอใช้ค าตาม
ื่
ิ
ุ
ค าพพากษาศาลฎีกาว่า “โทษอปกรณ์” นอกเหนือจากโทษตามประมวลกฎหมายอาญานั้นผู้เขียน
สืบค้นพบหลักการนี้บัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อกษรในประเทศไทยในปี ๒๔๕๑ ดังปรากฏในกฎหมาย
ั
ลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๑) ในมาตรา ๒๘๖ และถูกยกเลิกไปเมื่อได้ประกาศใช้ประมวล
๙
๗ ศาสตราจารย์ ดร.คณิต ณ นคร, กฎหมายอาญาภาคทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่ ๕ (กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน,
๒๕๕๖), หน้า ๔๓๒.
๘ ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์, ค าอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ เล่ม ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ (กรุงเทพมหานคร
: กรุงสยาม พับลิชชิ่ง, ๒๕๖๒), หน้า ๑๘ – ๑๙ซึ่ง ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ วิเคราะห์ “โทษ” ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๒ หมายถึงโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๘ กล่าวคือ ประหารชีวิต จ าคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน
วิธีการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๓๒ ที่ให้ยึดวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท หรือให้โฆษณาค าพิพากษา จึงไม่ใช่
“โทษ” ตามความหมายของมาตรา ๑๘ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒.
๙ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๕ ตอน ๙ ฉบับพิเศษ ๑ มิถุนายน ๒๔๕๑.