Page 793 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 793
๗๘๑
ื่
(๒) เพอป้องกันความผิด (Deterence)
(๓) เพอดัดนิสัยผู้กระท าความผิด (Reformation)
ื่
(๔) เพอตัดผู้กระท าความผิดออกไปจากสังคม (Incapacitation)
ื่
ื่
ื่
(๕) เพอสร้างจิตส านึกต่อบุคคลอน (Consciousness)
ิ่
ื่
ส าหรับโทษอุปกรณ์เกิดขึ้นจากผู้ร่างกฎหมายนั้นเพมเติมขึ้นเพอบังคับใช้แก่ผู้กระท า
ความผิดโดยต้องเป็นเหตุผลพเศษ จึงต้องค านึงถึงความประสงค์ที่จะน าวิธีการนั้นมาใช้ปรับแก่คดีเพอให้
ิ
ื่
บรรลุวัตถุประสงค์เฉพาะเรื่องเฉพาะราว เช่น ตามพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ าไทย พ.ศ. ๒๔๕๖
มาตรา ๑๑๙ บัญญัติว่า “ห้ามมิใหผู้ใดเท ทิ้ง หรือท าด้วยประการใด ๆ ใหหิน กรวดทราย ดิน โคลน
ั
อบเฉา สิ่งของหรือสิ่งปฏิกูลใด ๆ ยกเว้นน้ ามันและเคมีภัณฑ์ลงในแม่น้ าล าคลอง บึง อางเก็บน้ า หรือ
่
ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใชประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านน้ าไทย
ั
อนจะเป็นเหตุใหเกิดการตื้นเขิน ตกตะกอนหรือสกปรก เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ผู้ใดฝ่าฝืน
ตองระวางโทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ และตองชดใชเงินค
าใช้จ่ายที่ตองเสียในการขจัดสิ่งเหลานั้นด้วย”
ซึ่งผู้ที่กระท าความผิดตามมาตรา ๑๑๙ นอกจากจะได้รับโทษตามที่กฎหมายก าหนดไว้
แล้ว ยังจะต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ทางราชการต้องเสียไปในการขจัดสิ่งที่ก่อให้เกิดการตื้นเขิน
ิ
ตกตะกอนหรือสกปรกด้วย บทบัญญัตินี้เป็นการยอมรับเอาแนวคิดเรื่อง “ผู้ก่อให้เกิดมลพษเป็นผู้จ่าย”
๑๗
มาใช้บังคับซึ่งเป็นผลดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมอันเป็นเหตุผลพิเศษ จึงเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ของ
การลงโทษเพ่อวินิจฉัยความรับผิดทางอาญาแก่ผู้กระท าความผิดมุ่งกระท าต่อเนื้อตัวร่างกายอันเป็น
ื
ื่
วัตถุประสงค์หลกของโทษทางอาญา และการลงโทษในทางทรัพย์สินหรือวิธการเพอความปลอดภัยอน
ั
ี
ั
เป็นโทษเสริมในทางอาญาของโทษหลัก ส่วนวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้บทบัญญัติว่าด้วยโทษ
อุปกรณ์ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์เฉพาะตามเหตุที่บัญญัติกฎหมายนั้น ๆ ดังนี้ การวินิจฉัยความรับผิด
ื่
ื้
ุ
เพอลงโทษทางอาญากับการปรับใช้โทษอปกรณ์จึงตั้งอยู่บนพนฐานของวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน
ุ
๒.๒ เทียบเคียงหลักการของโทษอปกรณ์กับหลักการป้องกันพิเศษของโทษริบทรัพย์
เมื่อกล่าวถึงการริบทรัพย์สินอันเป็นโทษสถานหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๑๘ (๕) แต่ก็เป็นวิธีการเพ่อความปลอดภัยด้วย เพราะในบางกรณีแม้ไม่มีผู้กระท าความผิด ศาลก็สั่ง
ื
ริบทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ เพ่อไม่ให้มีการใช้ทรัพย์ดังกล่าวไป
ื
๑๘
ในทางมิชอบต่อไปอันถือเป็นการริบตามสภาพของทรัพย์สิน มีความเห็นทางกฎหมายของ
๑๗ ศาสตราจารย์ ดร. อ านาจ วงศ์บัณฑิต, กฎหมายสิ่งแวดล้อม, พิมพ์ครั้งที่ ๓ (กรุงเทพมหานคร:
วิญญูชน, ๒๕๕๗), หน้า ๒๖๒.
๑๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ บัญญัติว่า “ทรัพย์สินใดที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดท าหรือมีไว้เป็น
ความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าเป็นของผู้กระท าความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามค าพิพากษาหรือไม่”