Page 794 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 794
๗๘๒
ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ท าหมายเหตุไว้ท้ายค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๖๑๑/๒๕๐๐ ว่า “...ปืนไม ่
มีทะเบียน ถ้าถือว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ แล้วก็ไม่ใช ่
เป็นการลงโทษจ าเลย เพราะกฎหมายบัญญัติให้ริบโดยไม่ต้องค านึงว่าเป็นของผู้กระท าความผิดและมี
ผู้ถูกลงโทษหรือไม่ เป็นเรื่องของการป้องกันภัยเท่านั้น จึงไม่น่าจะต้องมีประเด็นเรื่องบรรยายฟ้องแต ่
อย่างใด จริงอยู่การริบทรัพย์เป็นโทษสถานหนึ่งตามมาตรา ๑๘ แต่จะเห็นได้ว่าตามมาตรา ๑๘
กล่าวถึงโทษที่จะลงแก่ผู้กระท าความผิด ส่วนมาตรา ๓๒ นั้นก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าให้ริบโดยไม ่
ค านึงว่าเป็นของผู้กระท าความผิดและถูกลงโทษหรือไม่ จึงไม่ใช่การลงโทษแต่อย่างใด” ซึ่ง
ื
ศาสตราจารย์ ดร.คณิต น นคร เห็นพ้องด้วยว่าบทบัญญัตินี้ตั้งอยู่บนพ้นฐานของวัตถุประสงค์ของ
๑๙
“การป้องกันพิเศษ” และหลักการเดียวกันนี้ก็ปรากฏอยู่ในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ
มาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “บรรดาไม้ ของป่า อปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ อาวุธ สัตว์พาหนะ
ุ
ื่
ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่บุคคลได้มาหรือได้ใช้ในการกระท าความผิด หรือมีไว้เพอใช้กระท า
ุ
ความผิด หรือได้ใช้เป็นอปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระท าความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่
ต
ิ
ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามค าพพากษาของศาลหรือไม่” ขณะที่บทบัญญัติว่าด้วยโทษอุปกรณ์ า ม
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ มาตรา ๓๑ วรรคสาม ซึ่งให้ศาลมีอานาจสั่งให้ผู้กระท าความผิด
คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระท าความผิดออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนสั่ง
ให้ผู้กระท าความผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือน าสิ่งใด ๆ อนก่อให้เกิดการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวน
ั
แห่งชาติออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติภายในระยะเวลาที่ก าหนดนั้น ถือเป็นมาตรการที่รัฐมีเหตุผลพเศษ
ิ
ู
เพอกลับเข้าไปคุ้มครองป้องกัน ฟนฟ และบริหารจัดการป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดสภาพเสื่อมเสียจากการ
ื้
ื่
กระท ากิจกรรมของจ าเลยให้รัดกุมขึ้นโดยเร็ว เพราะหากปล่อยให้ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายยังยึดถือหรือ
ครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติต่อไปแล้ว ย่อมส่งผลร้ายต่อทรัพยากรธรรมชาติและประชาชนเป็น
ั
วงกว้าง อนเป็นการกระท าที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม ซึ่งผลของการให้ริบทรัพย์ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง
ั
ื่
และการให้ออกไปรวมถึงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม มุ่งป้องกนเพอมิให้ป่าไม้ถูก
กระท าผิดซ้ าอกนั่นเอง ประเด็นคงมีเพยงแต่ผู้ร่างกฎหมายมิได้บัญญัติถ้อยค าให้ไปในทิศทางเดียวกัน
๒๐
ี
ี
ั
เท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่น่ามีผลต่อการปรับใช้กฎหมายซึ่งต้องตีความตามตัวอกษรประกอบกับเจตนารมณ์ของ
กฎหมายด้วย
๒.๓ ประเภทความผิดทางอาญาของกฎหมายต่างประเทศ
สาธารณรัฐฝรั่งเศส
จากการศึกษาพบว่าสาธารณรัฐฝรั่งเศส มีแนวคิดว่าการกระท าความผิดต้องประกอบด้วย
หลักส าคัญ ๓ ประการ คือ
๑๙ ศาสตราจารย์ ดร.คณิต ณ นคร, กฎหมายอาญาภาคทั่วไป, หน้า ๔๗๖.
๒๐ “เรื่องเดียวกัน”, หน้า ๔๗๓.