Page 791 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 791
๗๗๙
ให้ผู้กระท าความผิด คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระท าความผิดออกไปจากที่ดินนั้น
ด้วย
นอกจากนี้ มาตรการลงโทษทางแพง (Civil sanctions) ถือเป็นกระบวนการทางเลือกในการ
่
ี
บังคับใช้กฎหมายรูปแบบใหม่อกประการหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์ในการลงโทษผู้กระท าความผิดเหมือนกับ
มาตรการบังคับทางอาญาและเพมประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายด้วยการก าหนดผลร้ายเนื่องจาก
ิ่
ิ
่
การกระท าฝ่าฝืนกฎหมายภายใต้กฎหมายวิธีพจารณาความแพง แต่เน้นการลงโทษไปที่ตัวเงินหรือ
ทรัพย์สินของผู้กระท าความผิด ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้ถูกก าหนดขึ้นเพอเป็นการเยียวยาแก่
ื่
ั
่
ผู้เสียหายอนเป็นการเยียวยาความเสียหายในทางแพง จึงไม่ต้องก าหนดตามความเสียหายที่แท้จริงแต่เป็น
การเยียวยาสังคมส่วนรวม โดยรัฐจะน าเงินกลับคืนแก่แผ่นดินและการด าเนินการบังคับนั้นต้องกระท าใน
่
รูปแบบค าพิพากษาของศาลยุติธรรม มาตรการลงโทษทางแพ่งจึงมีลักษณะผสมผสานระหว่างกฎหมายแพง
และกฎหมายอาญาเพอที่จะเพมเติมมาตรการทางเลือกให้เหมาะสมกับการกระท าผิดบางลักษณะ โดยเริ่ม
ิ่
ื่
น าไปปรับบังคับใช้กฎหมายอย่างเด่นชัดก็คืออาชญากรรมทางเศรษฐกิจบางประเภทที่มีปัญหาในกระบวนการ
ทางอาญาปัจจุบันมาตรการลงโทษทางแพงถูกน ามาใช้กับพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
่
๑๓
๑๔
ื่
(ฉบับที่๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ และพระราชก าหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑ เพอเพม
ิ่
ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายเนื่องจากในอดีตการด าเนินคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์มี
ความสลับซับซ้อน
๑๕
ุ
ศาลยุติธรรมวินิจฉัยวางแนวบรรทัดฐานมาตลอดว่า มาตรการหรือโทษอปกรณ์ที่ถูกบัญญัติไว้
ิ
ตามเหตุผลความจ าเป็นพเศษว่าเป็นกฎหมายเฉพาะนั้นมิใช่เป็นโทษตามกฎหมายอาญา (หมายถึงโทษ
๕ สถาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ) เช่น ค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๙๐๘๓/๒๕๔๔ การเพิก
ิ
ถอนสิทธิเลือกตั้ง เป็นมาตรการที่มุ่งจ ากัดสิทธิของผู้ทุจริต มิใช่โทษตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อศาลลงโทษ
จ าคุกจ าเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ อันเป็นบทหนัก ศาลย่อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
ของจ าเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ (ปัจจุบันบังคับใช้ตาม
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒) หรือค าวินิจฉัยของ
ศาลรัฐธรรมนูญที่ ๔๐ – ๔๑/๒๕๔๖ ก็ได้วินิจฉัยว่าตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการ
ฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นกฎหมายที่ก าหนดความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน มีทั้งโทษทางอาญาและ
มาตรการทางแพ่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หากศาลเชื่อว่าทรัพย์สินตามค าร้องเป็นทรัพย์สิน
ที่เกี่ยวกับการกระท าความผิดมูลฐาน โดยมิต้องค านึงว่าทรัพย์สินนั้นผู้เป็นเจ้าของหรือผู้รับโอน
ทรัพย์สินจะได้มาก่อนพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับหรือไม่ก็ตาม เพราะมาตรการดังกล่าวมิใช่โทษทาง
อาญาและมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จึงมีผลใช้บังคับย้อนหลังได้และไม่เป็นการขัดต่อ
๑๓ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๑๗/๔
๑๔ พระราชก าหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๙๖
๑๕ ปราโมทย์ เสริมศรีธรรม, หลักเกณฑ์ในการก าหนดโทษทางอาญา ภายใต้โครงการสนับสนุนสารสนเทศ
เพื่อการท างานของสมาชิกรัฐสภา, พิมพ์ครั้งที่ ๑ (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๖๔), หน้า ๗๕.